ทั้งนี้ GL อยู่ในขั้นตอนของการจดทะเบียนบริษัทร่วมทุนใหม่ในอินโดนีเซีย ซึ่งมีกลุ่ม J TRUST และกลุ่มทุนท้องถิ่นอีกแห่งหนึ่งเป็นผู้ร่วมทุนเพื่อทำธุรกิจในประเทศอินโดนีเซีย โดยคาดว่าบริษัทฯ ร่วมทุนใหม่นี้จะสามารถเริ่มดำเนินธุรกิจได้ในช่วงต้นปีหน้า
สำหรับการรุกสู่ตลาดในอินโดนีเซียถือเป็นก้าวย่างใหม่ที่สำคัญ หลังจาก GL ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งในการขยายธุรกิจไปยังประเทศกัมพูชาและ สปป.ลาว โดยผลกำไรจากการดำเนินงานในกัมพูชานั้นถือว่ามีนัยสำคัญอย่างมาก เนื่องจากได้แซงหน้าผลกำไรจากการประกอบธุรกิจในประเทศไทย โดยจากยอดกำไรสุทธิ 150.27 ล้านบาทในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ประมาณ 70 ล้านบาท เป็นผลกำไรจากกิจการในประเทศไทย และส่วนที่เหลือประมาณ 80 ล้านบาท เป็นผลกำไรจากธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกำไรจากการดำเนินงานในประเทศกัมพูชา
"GL กำลังรุดหน้าขยายธุรกิจอย่างเต็มที่ไปสู่ตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม) และอินโดนีเซีย เนื่องจากตลาดเหล่านี้มีศักยภาพการเติบโตสูงมาก ในขณะที่ GL ได้ปรับกลยุทธ์ในประเทศไทย โดยให้ความสำคัญในการปรับปรุงคุณภาพของสินทรัพย์แทนที่จะเร่งขยายธุรกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจอยู่ในภาวะซบเซา"นายมิทซึจิ กล่าว
ดังนั้น GL จึงได้ให้ความสำคัญอย่างมากในการรุกสู่ตลาดที่ประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากเป็นประเทศใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดยมีประชากรมากถึง 250 ล้านคนและมีผู้บริโภคใหม่จำนวนมากที่มีอำนาจการซื้อและอยู่ในข่ายเป็นลูกค้าของ GL โดยคาดการณ์ว่าตลาดในอินโดนีเซียจะมีขนาดใหญ่กว่าในกัมพูชาถึง 10 เท่า
อนึ่ง บริษัท J TRUST ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ได้ออกแถลงการณ์วันนี้ชี้แจงความร่วมมือกับ GL จะสามารถเอื้อประโยชน์ให้กับทั้งสองฝ่าย เนื่องจาก J TRUST สามารถขยายธุรกิจการเงินการธนาคารและขณะเดียวกันยังสามารถสนับสนุนให้ GL พัฒนาธุรกิจเช่าซื้อและธุรกิจการเงินด้านอื่นๆ ในตลาดกลุ่มประเทศอาเซียนที่กำลังมีการเติบโตเป็นอย่างมาก
บริษัท J TRUST ออกแถลงการณ์ดังกล่าวหลังจากที่บริษัทในเครือที่ประเทศสิงคโปร์ J TRUST ASIA PTE. LTD., ซึ่งซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพของ GL มูลค่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้ตัดสินใจแปลงสภาพหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นหุ้นสามัญของ GL จำนวน 98.1 ล้านหุ้น โดยหลังจากการแปลงสภาพดังกล่าวจะทำให้กลุ่ม J TRUST ถือหุ้น 6.43% ของทุนจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้นของ GL
จากการแปลงสภาพดังกล่าวทำให้กลุ่ม J TRUST สามารถสนับสนุนการรุกตลาดเช่าซื้อและธุรกิจการเงินด้านอื่นในประเทศอินโดนีเซีย และตลาดอื่นในกลุ่มประเทศอาเซียนควบคู่ไปกับ GL ในฐานะเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์และกลุ่ม J TRUST เองก็สามารถขยายธุรกิจทางด้านปล่อยกู้เพื่อสนับสนุนธุรกิจเช่าซื้อของ GL
แม้การแปลงสภาพหุ้นกู้ของกลุ่ม J TRUST ในครั้งนี้อาจทำให้เกิด Dilution จากจำนวนหุ้นที่เพิ่มมากขึ้นแต่กำไรต่อหุ้นจะไม่ลดลง เนื่องจากธุรกิจใหม่ในประเทศอินโดนีเซียซึ่งได้รับความร่วมมือและเกื้อหนุนจากกลุ่ม J TRUST จะสามารถสร้างผลกำไรมากยิ่งขึ้นและทำให้กำไรต่อหุ้นเพิ่มสูงขึ้นด้วย