ผลประกอบการของบริษัทดีขึ้นเรื่อยๆ ปี 58 นี้ เราสามารถผลักดันยอดขายได้กว่า 7 แสนตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 2แสนตัน จาก 3 ไตรมาสที่ผ่านมา เราสามารถพลิกจากขาดทุนเป็นกำไร ล้างขาดทุนสะสมได้ ซึ่งถือว่าเร็วมาก EBITDA 9 เดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ 1,700 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีจะจบที่ 2,000 ล้านบาท โดยคิดเป็นกำไรพิเศษจากการขายที่ดิน 941 ล้านบาทเท่านั้น
ด้านฐานะทางการเงินบริษัทก็ปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก หนี้สินก็ทยอยลดลงทั้งหนี้สินระยะสั้นและระยะยาว สิ้นปี 58 สัดส่วนหนี้สินต่อทุน D/E ต่ำกว่า 2 เท่า และเราตั้งเป้าว่าภายในปีหน้าจะลด D/E ให้อยู่ในระดับ 1 เท่า ส่วนโครงการผลิตเหล็กลวดพิเศษยังคงเดินหน้าตามเป้าหมายที่วางไว้ ดังนั้นในปี 59 ภาพของ MILL จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
นายจิรัซย์ กล่าวว่า การเติบโตของบริษัทในปีหน้าจะได้รับอานิสงส์จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ (เมกะโปรเจกต์) ในปีหน้าที่มีมูลค่าประมาณ 2.7 ล้านล้านบาท โดยจะเริ่มรับรู้รายได้จากเหล็กเกรดพิเศษซึ่งมาร์จินจากการผลิตเหล็กเกรดพิเศษจะดีกว่าการผลิตเหล็กปกติถึง 2 เท่าตัว โดยผลิตภัณฑ์เหล็กเกรดพิเศษบางชนิดจะมีมาร์จินมากถึง 25 จากผลิตภัณฑ์เหล็กปกติที่มีมาร์จินเพียง 7-8 %