นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ คาดว่าดัชนีหุ้นไทยเช้านี้จะแกว่ง sideways ในกรอบแคบ แม้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลงเมื่อวานนี้จะยังคงกดดันต่อภาพรวมการลงทุน แต่เชื่อว่าจะยังคงมีแรงซื้อจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF)เข้ามาต่อเนื่อง สังเกตจากนักลงทุนสถาบันที่มีแรงซื้อสุทธิติดต่อกันเข้ามา 4-5 วัน ซึ่งน่าจะสะท้อนถึงเม็ดเงินไหลเข้าได้ดี
นอกจากนี้ตลาดยังคาดหวังเรื่องการทำ window dressing ในช่วงปิดสิ้นปีด้วย ซึ่งน่าจะเป็นแรงประคองตลาด รวมถึงยังต้องติตดามตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทยในเดือนพ.ย. แม้คาดว่าจะยังคงติดลบอยู่แต่ก็น่าจะอยู่ในระดับที่ลดลง อย่างไรก็ตามคาดว่ามูลค่าซื้อขายในวันนี้อาจจะยังไม่มากนัก เพราะเป็นช่วงเข้าใกล้วันหยุดเทศกาลปีใหม่
พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,275 และ 1,280 ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,287-1,290 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 ธ.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,528.27 จุด ลดลง 23.90 จุด(-0.14%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,040.98 จุด ลดลง 7.51 จุด(-0.15%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,056.50 จุด ลดลง 4.49 จุด(-0.22%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 29.96 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.38 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 3.65 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 9.22 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 7.57 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 5.59 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 4.70 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(28 ธ.ค.58) 1,285.87 จุด เพิ่มขึ้น 2.94 จุด(+0.23%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 324.42 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.58
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(28 ธ.ค.58) ปิดที่ 36.81 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.29 ดอลลาร์ หรือ 3.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(28 ธ.ค.58)ที่ --- เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิดตลาดเช้า 36.08/10 แนวโน้มยังอ่อนค่า แต่ยังไม่มีปัจจัยใหม่
- แบงก์ชาติเผยพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนสูงในยุคดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลานานผ่านการลงทุนตราสารหนี้-หุ้นในประเทศ และเห็นนักลงทุนสถาบันและกองทุนรวมไทยลงทุนหลักทรัพย์ต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะลงทุนบราซิลที่มีความเสี่ยงเครดิตสูง ห่วงถ้าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้าจะกระทบพฤติกรรมนี้เพิ่มขึ้น
- ธปท.รายงานจำนวนสาขาของธนาคารพาณิชย์และสาขาธนาคารต่างประเทศทั้งระบบ ล่าสุด ณ สิ้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ทั่วประเทศมีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นเพียง 100 แห่ง หรือ 1.4% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน จาก 6,925 แห่ง เพิ่มเป็น 7,022 แห่ง ซึ่งอัตราการเพิ่มของสาขาลดลงเมื่อเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา ขณะที่คนแห่ใช้ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์มากขึ่น
- สศค.ระบุแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 59 คาดจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 3.8% โดยต้องฝากความหวังไว้กับการเร่งการลงทุนของภาครัฐที่จะเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากขึ้น โดยเฉพาะโครง การโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่จะมีการทยอยลงทุนตามแผนเร่งด่วน 1.79 ล้านล้านบาท ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป อาทิ รถไฟทางคู่ มอเตอร์เวย์ รถไฟฟ้าสายต่าง ๆ โครงการสุวรรณภูมิเฟส 2 โครงการท่าเรือแหลมฉบัง เป็นต้น รวมถึงภาคการท่องเที่ยวก็จะยังเป็นปัจจัยหนุนสำคัญ โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังขยายตัวได้ดีในระดับ 2 หลัก
- พาณิชย์เผยมูลค่าส่งออกเดือน พ.ย.ติดลบอีก 7.42% ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 เหตุราคาน้ำมัน สินค้าที่เกี่ยวเนื่อง และสินค้าเกษตรร่วงหนัก ขณะที่ตลาดส่วนใหญ่ลดลงหมด คาดทั้งปี ติดลบ 5.5% แต่ไม่ลบ 7% จากเป้าหมายติดลบ 3% ส่วนปี 59 มั่นใจเป้า 5% ทำได้ แต่ยังห่วงราคาน้ำมัน ปัจจัยบั่นทอนหนัก
- รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ร.ฟ.ท.เร่งศึกษาการลงทุนโครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) กรุงเทพฯ-หัวหิน วงเงิน 94,673 ล้านบาท และสายกรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง วงเงิน 152,528 ล้านบาท ให้อยู่ในหลักเกณฑ์ พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 และโครงการร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี ฟาสต์แทรกต์) ตามแผนปฏิบัติการลงทุนระยะเร่งด่วน พ.ศ.2559 “รูปแบบการร่วมทุนต้องรอให้คณะกรรมการพีพีพีกำหนดรายละเอียดก่อน เบื้องต้นจะเปิดให้เอกชนทั้งไทยและต่างประเทศร่วมลงทุนได้ ส่วนจะให้ความสำคัญกับใครก่อนหรือหลัง ตอบไม่ได้ ต้องดูเงื่อนไขการร่วมทุนของคณะกรรมการพีพีพี"
*หุ้นเด่นวันนี้
-BH(บล.ฟินันเซีย ไซรัส) ให้ราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 220 บาท โดยมองว่าแม้ราคาหุ้นจะต่ำกว่าเป้าหมายปีหน้าไม่ถึง 10% คำแนะนำจึงเป็นถือ แต่ราคาหุ้นที่ laggard ที่สุดในกลุ่มในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา และน่าจะเป็นหนึ่งในหุ้นเป้าหมายในการทำดัชนีสิ้นปี บวกกับผลประกอบการที่อยู่ในทิศทางดีขึ้นต่อเนื่องในปีหน้า จึงน่าจะเก็งกำไรระยะสั้นได้
-SCC(บล.เออีซี) แนะ"ซื้อ"โดยมองว่าปี 59 คาดได้อานิสงส์จากแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ ซึ่งจะหนุนอุปสงค์ปูนซีเมนต์ในประเทศ อีกทั้งมีแผนสร้างโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ในต่างประเทศ ซึ่งคาดหนุนพื้นฐานธุรกิจในระยะยาว โดยปี 58 คาดกำไรโต 31.7% จากปีก่อน และในปี 59 โตต่อ 6.3% จากปีนี้ โดยราคาหุ้นยังมี Upside 27.6%
-LIT(บล.เคทีบีฯ) ระบุว่าปี 2557-2559 บริษัทฯตั้งเป้าเติบโตอย่างน้อย 30% ในแง่ของกำไร รายได้ และพอร์ตสินเชื่อ โดยการขยายฐานลูกค้าและพอร์ตสินเชื่อให้เติบโตขึ้น มีการสร้างผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบใหม่ รวมทั้งมีการบริหารต้นทุน เพื่อเพิ่ม Margin และความมั่นคงทางการเงิน และพัฒนาระบบ ปรับโครงสร้างให้รองรับการเติบโตในอนาคต ขณะที่ LIT ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ช่วยลดต้นทุน บวกกับสภาพเศรษฐกิจชะลอตัว ธนาคารมีข้อจำกัดในการปล่อยกู้