(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นรีบาวด์หลังร่วงแรง แต่ปัจจัยภายนอกยังกดดัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 5, 2016 09:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสกฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่รีบาวด์ด้วยสัญญาณทางเทคนิคหลังจากวานนี้ปรับตัวลงไปแรง ขณะที่เช้านี้มีปัจจัยหนุนบ้างจาก Sentiment ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียบางตลาดเริ่มเห็นแกว่งตัวขึ้นมาในแดนบวกได้บ้างแล้ว แม้ว่าส่วนใหญ่จะเปิดทำการมาในแดนลบ

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมปัจจัยภายนอกยังคงกดดัน โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาร่วงลงภายหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวออกมาไม่ดี รวมทั้งยังกังวลความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับประเทศตะวันออกกลาง อีกทั้งเศรษฐกิจโลกก็ยังคง อ่อนแอ

ด้านปัจจัยพื้นฐานของบ้านเรามีแรงหนุนจากการลงทุนของภาครัฐฯและการท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมาก็ยังเป็นบวกต่อตลาดฯ เพียงแต่ทิศทางราคาน้ำมันดิบ และกระแสเงินทุนไหลออก อาจจะทำให้ตลาดฯ ยังไปได้ไม่ดีนัก

พร้อมให้แนวต้านวันนี้ที่ 1,280 จุด และแนวรับ 1,250 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(4 ม.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,148.94 จุด ร่วงลง 276.09 จุด(-1.58%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,903.09 จุด ดิ่งลง 104.32 จุด(-2.08%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,012.66 จุด ลดลง 31.28 จุด(-1.53%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 52.22 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 99.61 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 8.43 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 9.26 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 6.83 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.83 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.66 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 9.50 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(4 ม.ค.59)1,263.41 จุด ลดลง 24.61 จุด(-1.91%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,204.39 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ม.ค.59
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(4 ม.ค.59) ปิดที่ 36.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ขยับลง 28 เซนต์ หรือ 0.8%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(4 ม.ค.59)ที่ 8.95 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 36.13/15 แนวโน้มอ่อนค่าตามภูมิภาค มองกรอบ 36.10-36.30
  • กรมสรรพากรเล็งลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจาก 35% เหลือ 30% พร้อมขยายเพดานยกเว้นเป็น 3 หมื่นบาท ส่วนแผนดึงผู้ประกอบการ SME เข้าระบบ เปิดลงทะเบียน 15 ม.ค.59 ถึง 15 มี.ค.59 ลั่นไม่ใช่นิรโทษฯ แต่เพื่อให้จัดทำบัญชีและงบการเงินเพียงเล่มเดียว หวังผู้ประกอบการเข้าระบบ 30% หรือ 1 แสนราย
  • กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค(เงินเฟ้อ)ทั่วไปเดือน ธ.ค. 2558 อยู่ที่ 105.74 ลดลงจากเดือน พ.ย.ถึง 0.39% และลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.85% ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปี 2558 เมื่อเทียบกับปี 2557 ค่าดัชนีลดลงถึง 0.90% ถือว่าต่ำสุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ปี 2552 ที่มีการใช้นโยบายประชานิยมในการลดค่าครองชีพต่างๆ และช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์
  • รมว.อุตสาหกรรม เผยกำลังเร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ นักลงทุนอย่างเร่งด่วนในปี 2559 เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาในเดือน ม.ค.นี้ เช่น พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรงงาน พ.ศ.2535 ที่ต้องปรับปรุงเพื่อยกเลิกโรงงานบางประเภท การกำหนดแรงม้าเครื่องจักรให้มากขึ้น รวมถึงให้กิจการที่เข้าข่ายเป็นโรงงานบางประเภทสามารถตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า โรงแรม หรือสถานศึกษาได้
  • แบงก์ชาติปรับลดวงเงินขั้นต่ำ พันธบัตร ธปท. ขายให้แก่นักลงทุนสถาบัน หวังเปิดทางแผนระดมทุนของภาครัฐออกมามากในอนาคต ย้ำส่วนใหญ่ยังคงเป็นการออกพันธบัตร เพื่อทดแทนรุ่นเก่าครบกำหนด เผยไม่มีแผนออกพันธบัตรออมทรัพย์ ธปท.รุ่นใหม่

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BEM(โกลเบล็ก)เป็นบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมระหว่าง BECL และ BMCL เริ่มซื้อขายวันนี้ ราคาเหมาะสมตาม consensus 5.70-6.50 บาท BEM ดำเนินธุรกิจ 1) ทางด่วน 2 เส้นทางคือ ทางด่วนขั้นที่ 2 และทางด่วนบางประอิน-ปากเกร็ด ระยะทาง 70.5 กิโลเมตร 2)รถไฟฟ้าใต้ดินหัวลำโพง-บางซื่อระยะทาง 20 กิโลเมตร โดยมีโอกาสเติบโตในอนาคตจากโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 1)ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอกระยะทาง 16.7 กิโลเมตร 2)รับจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วง(บางใหญ่-บางซื่อ)ระยะทาง 23 กิโลเมตร

ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ BEM เรียงตามลำดับคือ บมจ.ช.การช่าง(CK) 27.59% รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) 8.22% ธนาคารกรุงไทย(KTB) 6.85% ไฮกรีตโปรดักส์ 4.3% และธนาคารกรุงเทพ(BBL) 2.83% ซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่ยังคงเป็น CK ทำให้นโยบายในการบริหารไม่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ

  • CK(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)เป้า 33 บาท ได้รับประโยชน์จากการควบรวมเป็น BEM เพราะเดิมต้องรับรู้ผลขาดทุนใน BMCL(ในปีงวด 9 M15 รับรู้ผลขาดทุนเข้ามา 151 ล้านบาท จากที่ BMCL ขาดทุนสุทธิ 426 ล้านบาท และ CK ถือหุ้นอยู่ 35.47%)แต่เมื่อควบรวมแล้วจะพลิกเป็นรับรู้ผลกำไรแทน โดย CK ถือหุ้น BEM เท่ากับ 27% ให้เป็นหุ้น Dark Horse ของ ม.ค.59 ด้วย
  • EPG(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 17 บาท สะท้อนคาดการณ์อัตราการเติบโต CAGR ที่แข็งแกร่งคือ 3 ปีที่ระดับสูงเป็น 25% และคิดเป็น PEG ที่ 1 เท่า ข่าวดี คือ ได้รับการจัดเข้าไปอยู่ใน SET 100 เริ่มมีผลตั้งแต่ต้นปี 59 คาดตลาดฯจะให้ความสนใจมากขึ้น ขณะที่แนวโน้มอัตราการเติบโต CAGR ที่แข็งแกร่งคือ 3 ปีที่ระดับสูงเป็น 25% สืบเนื่องจากการที่บริษัทเป็นผู้ชำนาญงานด้าน polymerization และกระบวนการผลิตที่มีความยืดหยุ่นได้เป็นอย่างดี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ