ล่าสุดบริษัทฯได้โอนทรัพย์สินแล้วเสร็จ ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2558 ที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทฯได้นำเงินที่ได้จากการขายทรัพย์สินดังกล่าวไปชำระหนี้เงินกู้ และ เป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (Gearing Ratio) ในปี 2558 ลดลงอยู่ที่ระดับ 2.3 เท่า จาก ณ ไตรมาส 3/2558 อยู่ที่ 3.3 เท่า
หลังจากที่ WHA ได้มีการขายทรัพย์สิน เข้ากองทรัสต์ WHART ส่งผลให้บริษัทฯได้รับเงินโอนจากการขายทรัพย์สินดังกล่าว โดยมาจากการที่ WHART เสนอขายหน่วยเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหน่วยเดิมและนักลงทุนทั่วไป จำนวน 350.8 ล้านหน่วย ราคาเสนอขายหน่วยทรัสต์ 10 บาท ทำให้มีเม็ดเงินจากการระดมทุนดังกล่าวเข้ามาประมาณ 3,508 ล้านบาท และจากการที่ WHART ดำเนินการกู้จากสถาบันการเงินอีก 1,350 ล้านบาท ส่งผลให้ WHART มีมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 4,645 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) ในการซื้อทรัพย์สินเพิ่มจาก WHA
ความสำเร็จการระดมทุนของ WHART ดังกล่าวส่งผลทำให้บริษัทฯมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น โดยจะเห็นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2558 เป็นต้นไป ส่วนผลดำเนินงานในงวดปี 2558 ที่บริษัทฯจะมีรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งบริษัทฯได้มีการประมาณการอัตราการเติบโตของรายได้ในปี 2558 ไว้ที่ระดับ 12,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2557 ที่มีรายได้อยู่ที่กว่า 5,050 ล้านบาท
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการขายทรัพย์สินเพิ่มเข้ากองทรัสต์ WHART และรายได้ที่สามารถรับรู้จากบริษัทเหมราชพัฒนาที่ดินตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2558 อย่างไรก็ดี หากคำนึงถึงการชำระคืนเงินกู้ยืมในช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมาซึ่งมีผลทำให้อัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนลดลงจาก 3.3 เท่าเป็น 2.3 เท่านั้น นอกจากการขายทรัพย์สินเพิ่มเข้ากองทรัสต์ WHART ที่กล่าวมาแล้ว ยังรวมถึงกระแสเงินสดที่ได้รับจากการขายอาคารสำนักงาน เอสเจ อินฟินิท วัน บิสซิเนส คอมเพล็กซ์ และ อาคารบางนา บิสซิเนส คอมเพล็กซ์ เข้ากองทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ดับบลิวเอชเอ บิสซิเนส คอมเพล็กซ์ (WHABT) ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาซึ่งบริษัทฯ สามารถชำระคืนเงินกู้ได้ประมาณ 5,000 ล้านบาท ภายในไตรมาส 4 ไตรมาสเดียว และอัตราส่วนดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างต่อเนื่องจากการจำหน่ายทรัพย์สินของบริษัทเหมราช พัฒนาที่ดินในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้อีกด้วย
ด้านนายปิยะพงศ์ พินธุประภา กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียลเอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด (WHAREM) ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) กล่าวว่า หลังจากที่หน่วยเพิ่มทุนครั้งที่ 1 ของกองทรัสต์ WHART เพื่อเสนอขายแก่ผู้ถือหน่วยเดิมและนักลงทุนทั่วไป ในช่วงปลายปี 2558 ได้ผลตอบรับที่ดีจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันและรายย่อยเป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเพราะกลุ่มนักลงทุนเล็งเห็นถึงศักยภาพในคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าระดับพรีเมี่ยม ที่มีผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวโดย WHA ที่เป็นเครื่องการันตีถึงคุณภาพและศักยภาพระดับมาตรฐานสากล
ประกอบกับหลังจากการขายหน่วยเพิ่มทุนในครั้งนี้แล้ว ส่งผลให้ WHART มีมูลค่าสินทรัพย์รวม เพิ่มเป็นมากกว่า 9 พันล้านบาท ซึ่งขยายตัวมากกว่า 1 เท่าตัว จากเดิมที่กองทรัสต์ WHART มีมูลค่าสินทรัพย์ ประมาณ 4,400 ล้านบาท จนส่งผลให้ ในปัจจุบัน WHART เป็นกองทรัสต์ประเภทคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยหน่วยเพิ่มทุนครั้งที่1 ของกองทรัสต์ WHART จะเข้าซื้อขาย ในวันที่ 7 มกราคม 2559 นี้ ซึ่งการเพิ่มขนาดกองทุนและมูลค่าสินทรัพย์ครั้งนี้ จะทำให้สัดส่วนสินทรัพย์ Freehold เพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ย 70% ซึ่งจะทำให้ กองทรัสต์ WHART อัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้น และมีสภาพคล่องของการซื้อขายที่สูงขึ้นอีกด้วย