อย่างไรก็ดี จากการที่ราคาหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ของจีนปรับลงมาค่อนข้างมาก ทำให้ราคาหุ้นอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ประกอบกับแนวโน้มการทำกำไรของบริษัทขนาดใหญ่มีแนวโน้มปรับดีขึ้นต่อเนื่องสวนกระแสเศรษฐกิจ และนโยบายการการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล บริษัทมองว่าจะเป็นปัจจัยหลักสนับสนุนให้ความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนกลับมาได้
"การปรับตัวลงของตลาดหุ้นจีนในช่วงนี้ มองว่าโดยหลักๆ เป็นความกังวลต่อตัวเลขเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจของจีนที่ออกมาต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ รวมถึงมาตรการที่ทางการจีนสั่งห้ามไม่ให้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ขายหุ้นออกได้หมดอายุลง ประกอบกับการที่ภาครัฐเข้ามาแทรกแซงในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องในช่วงสั้น ทำให้นักลงทุนกังวลและกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้นจีน แต่เนื่องจากปัญหาของเศรษฐกิจจีนเป็นปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้าง ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาอย่างเร็วประมาณ 1-2 ปี ถึงจะเริ่มเห็นการฟื้นตัว แต่หากมองจากความตั้งใจดูแลแผนเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของรัฐบาลจีน ตลาดหุ้นจีนยังมีความน่าสนใจ เพียงแต่เป็นการลงทุนในระยะยาว โดยมองว่ารัฐบาลจีนยังมีศักยภาพในการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ เนื่องจากทุนสำรองในประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูงประมาณ 20% หรือแม้แต่อัตราดอกเบี้ยของจีนยังอยู่ในระดับสูง หากเทียบกับประเทศอื่นๆ"นายวิน กล่าว
นายวิน กล่าวว่า สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศ ในช่วงที่ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวน บริษัทแนะนำให้เน้นหุ้นในตลาดพัฒนาแล้วที่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง อาทิ ตลาดหุ้นในกลุ่มยูโรโซน และ ญี่ปุ่น ที่จะมีความผันผวนของราคาหุ้นค่อนข้างต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นของตลาดเกิดใหม่
อย่างไรก็ดี สำหรับภาพการลงทุนในตลาดหุ้นในประเทศจีน บริษัทมองว่า ในช่วงปีนี้ ยังคงต้องติดตามเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นจีน และตลาดหุ้นในแถบภูมิภาคเอเชียอื่นๆ โดยมองว่าตลาดหุ้นจีนมีโอกาสผันผวนน้อยลงในช่วงครึ่งปีหลัง โดยระยะสั้นเหมาะสำหรับการเก็งกำไร ซึ่งธรรมชาติของการลงทุนในตลาดหุ้นจีนยังคงเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่รับความผันผวนได้สูง