นอกจากนี้ บริษัทเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ "อิฐมวลเบาประเภทตกแต่ง" ถือเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากสินค้าใหม่เข้ามาในไตรมาสที่ 1/59 และจะเร่งบุกตลาดโครงการภาครัฐ ซึ่งจะมีการลงทุนในโครงการต่างๆ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วขนาดรางกว้าง 1.435 เมตร และโครงการขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ อีกหลายเส้นทาง ดังนั้นตั้งแต่ต้นปี 2559 คาดว่าจะสามารถปรับสัดส่วนรายได้เป็นงานภาครัฐ 50% ภาคเอกชน 50%
ขณะที่งบลงทุนบริษัทตั้งไว้ที่ 200 ล้านบาท เพื่อไว้ใช้สำหรับขยายกำลังการผลิตและออกผลิตภัณฑ์ผนังมวลเบานวัตกรรมใหม่ โดยจะขอดูภาวะตลาดอีกระยะหนึ่งก่อนการลงทุน
นายรังสี มองว่า ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาในประเทศในปี 2559 จะมีแนวโน้มค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น ตามการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ และคาดว่าจะส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์กลับมาลงทุนในโครงการใหม่มากขึ้นในอนาคต ซึ่งจะทำให้ความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาในประเทศมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นตามไปด้วย
สำหรับความคืบหน้าการวางแผนศึกษาตลาดกลุ่มประเทศ CLMV เพื่อขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้านั้น ที่ผ่านมา บริษัทได้มีการเจรจากับดีลเลอร์ในประเทศกัมพูชาแล้วเป็นที่เรียบร้อย ทำให้ปัจจุบัน บริษัทได้มีการส่งสินค้าไปยังประเทศกัมพูชาแล้ว ซึ่งรายได้เริ่มทยอยเข้ามาได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/58 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าขยายตลาดในกลุ่มประทศ CLMV อย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ระหว่างการศึกษาตลาดที่ประเทศพม่า และลาว เพื่อทำการกระจายสินค้าให้ครอบคลุม และเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นในอนาคต
ขณะที่ผลประกอบการในปี 2558 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 360 ล้านบาท หรือลดลงประมาณ 10% จากปี 2557 ที่มีรายได้ 432 ล้านบาท เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว ความต้องการในตลาดลดลง มีการแข่งขันด้านราคาค่อนข้างสูง ส่งผลให้ยอดขายลดลงตาม