(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าปรับลงตามตลาดตปท. ปัจจัยลบหลักมาจากจีน-ราคาน้ำมันถ่วง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 7, 2016 09:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการและหัวหน้าส่วนงานวิจัย บล.ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างร่วงกันทั่วหน้า โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนที่ติดลบหนัก จนขณะนี้ได้ปิดทำการเทรดทั้งวันในวันนี้ไปแล้ว เนื่องจากติดเซอร์กิต เบรกเกอร์ อันเป็นผลจากมีความกลัวเศรษฐกิจจีนที่แย่ และผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้นเกิน 5% ซึ่งมีทั้งเจ้าของ และนักลงทุนรายสถาบัน ก็เตรียมที่จะหมดระยะเวลาการห้ามขายหุ้น 6 เดือนในวันที่ 8 ม.ค.นี้ และจะขายหุ้นได้ในวันจันทร์หน้า ขณะที่ยังไม่เห็นมาตรการอะไรออกมาจึงทำให้นักลงทุนกังวลต่อแรงขายที่จะเกิดขึ้นก็เลยมีบางส่วนที่ชิงขายออกมาก่อน

นอกจากนี้ ดาวโจนส์เมื่อคืนที่ผ่านมาก็ปรับตัวลง และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงก็ยังถ่วงตลาดฯด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,250-1,230 จุด ส่วนแนวต้าน 1,270 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(6 ม.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,906.51 จุด ร่วงลง 252.15 จุด(-1.47%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,835.77 จุด ลดลง 55.66 จุด(-1.14%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,990.26 จุด ลดลง 26.45 จุด(-1.31%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 51.55 จุด, ดัชนี , ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 208.21 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 27.15 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 9.72 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 7.09 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 4.61 จุด
  • SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 52.18 จุด แต่ล่าสุดตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และตลาดหุ้นเสิ่นเจิ้นประกาศระงับการซื้อขายทั้งวันในวันนี้ หลังจากดัชนีตลาดหุ้นร่วงลงไปกว่า 7% ซึ่งรวมถึงดัชนี CSI 300 ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 ในสัปดาห์นี้ที่จีนประกาศใช้เซอร์กิต เบรกเกอร์เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของตลาด โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นร่วงลงอย่างหนักนั้น มาจากการที่ธนาคารกลางจีนปรับลดค่ากลางเงินหยวนลงสู่ระดับระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีในวันนี้
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(6 ม.ค.59)1,260.04 จุด เพิ่มขึ้น 6.70 จุด (+0.53%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,803.62 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 ม.ค.59
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(6 ม.ค.59) ปิดที่ 33.97 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 2 ดอลลาร์ หรือ 5.6%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(6 ม.ค.59)ที่ 10.43 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเช้านี้อ่อนค่ามาที่ 36.35 จากเปิด 36.27 จากความกังวลเศรษฐกิจจีน
  • พลังงานคาดเปิดให้เอกชนยื่นขอสำรวจปิโตรเลียมรอบ 21 ได้ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ ล่าช้ากว่าแผนเดิม เผยขณะนี้ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2 ฉบับอยู่ระหว่างการพิจารณาของกฤษฎีกา ก่อนส่งให้สนช.ชี้ขาดและต้องนำไปใช้ได้จริง ระบุจะเพิ่มจำนวนกรรมาธิการพิจารณา 30-35 คน เปิดให้ทุกฝ่ายส่งตัวแทนมาหารือ
  • "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์"รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เศรษฐกิจปี 2559 มีแนวโน้มจะไม่ดีเท่าที่ได้คาดการณ์เอาไว้ แม้แต่กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ยังใช้คำว่า น่าผิดหวัง ไม่ดีเท่าที่คาด
  • นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ว่า ในปีนี้จะยังคงยืนบัญชีสินค้าควบคุมตามประกาศของ กกร.เดิมไว้ ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 25 ม.ค.นี้ แต่อาจจะมีการประกาศเพิ่มเติมในสินค้ากลุ่มที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะมีทั้งสินค้าเกี่ยวกับเกษตร สินค้าอุปโภคและบริโภค เพื่อเตรียมพร้อมในการรับมือกับราคาสินค้าที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในภาวะเศรษฐกิจเช่นปัจจุบัน
  • นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้หารือโครงการความร่วมมือรถไฟไทย-จีน แล้วพบว่า ขณะนี้มีผลการศึกษาของโครงการต่างๆ อาทิ โครงการรถไฟไทย-จีน โครงการรถไฟไทย-ญี่ปุ่น รถไฟฟ้าสาย สีแดง บางซื่อ-รังสิต ว่ายังติดปัญหาเรื่องของระบบรางและระบบอาณัติสัญญาณที่ต้องใช้ร่วมกัน ในบางจุด เช่น ในพื้นที่สถานีรถไฟชุมทางบ้านภาชี และสถานีกลางบางซื่อ เพราะพบว่าระบบรางที่มีอยู่ไม่เพียงพอ โดยเฉพาะหากเป็นกรณีที่ต้องแยกรางของแต่ละโครงการออกจากกัน
  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 35 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปีครึ่ง นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.47 โดยอยู่ที่บาร์เรลละ 34.83 เหรียญสหรัฐ เมื่อเวลา 10.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นกรีนวิช เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับไปเหนือบาร์เรลละ 35 เหรียญสหรัฐระหว่างการซื้อขาย
  • นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้มีความน่าเป็นห่วงเศรษฐกิจไทยในครึ่งแรกของปีว่าจะมีแรงขับเคลื่อนเพียงพอหรือไม่ ในขณะที่ครึ่งปีหลังคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ดีจากการเม็ดเงินลงทุนในโครงการขนาดใหญ่จะเข้าสู่ระบบเป็นจำนวนมาก

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BA(เคทีบี)"ซื้อ"เป้า 27.50 บาท แนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q58 จะเติบโตโดดเด่นทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ประกอบกับจะได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันที่ต่ำลงมากขึ้น เพราะต้นทุนราคาน้ำมันที่เคย Hedging ไว้ที่ราคาสูงเริ่มหมดลงตั้งแต่เดือนต.ค. โดยประเมินกำไรสุทธิปี 2558 ที่ 2,394 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 582% YoY สำหรับปี 2559 BA ประเมินจำนวนผู้โดยสารจะเติบโตดีต่อเนื่องอีก 10% - 15% โดยจะได้รับผลบวกจากการเปิด AEC และการขยายฐานลูกค้าไปยังชาวจีนมากขึ้นจากปัจจุบันที่ยังมีสัดส่วนน้อย นอกจากนั้น จะได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันเฉลี่ยที่ลดลงจากปีก่อนมากขึ้น ส่งผลให้คาดว่ากำไรปี 2559 ยังเติบโตได้โดดเด่นต่อเนื่อง
  • BBL(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 195 บาท คาดกำไรสุทธิ 4Q58 ลดลงทั้ง Q-Q และ Y-Y เป็น 7.6 พันล้านบาท (-16% Q-Q, -13% Y-Y) เป็นไปในทิศทางเดียวกับกลุ่ม การตั้งสำรองที่สูงกว่าคาดทำให้ปรับกำไรปี 58 ลง 3% เป็น 3.41 หมื่นล้านบาท -6% Y-Y (ดีกว่าแบงก์ใหญ่ที่ลดลงเฉลี่ย 11% Y-Y) สิ่งที่ดีคือ NPL ที่เริ่มเห็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอ (เช่นเดียวกับ KBANK) สำหรับกำไรปี 59 ยังคงคาด 3.59 หมื่นล้านบาท +5% Y-Y สำหรับความเสี่ยงจากการเป็นแบงก์การันตีให้ทีวีพูล 1.6 พันล้านบาทและ JAS กว่า 6 หมื่นล้านบาทนั้น ประเมินว่าความเสี่ยงจากทั้งสองใบอนุญาตจะกระทบ Book value ราว 32 บาท/หุ้น ทำให้ปี 59 Prospective BV เหลือ 163 บาท ซึ่งยังสูงกว่าราคาหุ้นปัจจุบัน จึงเชื่อว่าตลาดกังวลเกินไป
  • CENTEL(เออีซี)"ซื้อ"เป้า 47 บาท ช่วง 4Q58 คาดแนวโน้มยังสดใสจากสัญญาณบวกต่อเนื่องในธุรกิจโรงแรมและการรับรู้ยอดขายร้านอาหารใหม่ บวกกับได้รับอนิสงส์จากช้อปเที่ยวลดหย่อนภาษี หนุนปี 58 คาดกำไรปกติโต 69%YoY และโตต่อ 11%YoY ในปี 59

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ