นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างติดลบอยู่แต่ก็ไม่มาก โดยมีประเด็นหลักอยู่ที่จีนที่จะต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ภายหลังจากที่จีนได้ยกเลิกการการใช้เซอร์กิตเบรกเกอร์ โดยมีผลตั้งแต่วันนี้ และมีการออกมาตรการเสริมในการห้ามผู้ถือหุ้นขายหุ้นออกเกิน 1% จากมาตรการเดิมที่มีการห้ามผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้นออกเป็นระยะเวลา 6 เดือนและได้ครบกำหนดในวันที่ 8 ม.ค.นี้ ดังนั้นจะต้องจับตาดูว่าการปรับตัวลงของดัชนีฯแล้วจะสามารถเด้งขึ้นมาได้หรือเปล่า
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบถ้ายังเป็นขาลงอยู่ก็จะทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานยังปรับตัวลงได้ และการไถ่ถอนหน่วยลงทุนของกองทุน LTF, RMF จะยังเป็นตัวที่ทำให้ Upside ของตลาดฯมีจำกัด
อย่างไรก็ดี นักลงทุนก็ยังสามารถเลือกเล่นหุ้นได้เป็นรายตัว พร้อมให้แนวรับ 1,200 จุด ส่วนแนวต้าน 1,250 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(7 ม.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,514.10 จุด ลดลง 392.41 จุด(-2.32%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,689.43 จุด ลดลง 146.34 จุด(-3.03%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,943.09 จุด ลดลง 47.17 จุด(-2.37%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 205.11 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 69.63 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 158.54 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 40.86 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 14.91 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 19.58 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 4.10 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ ลดลง 30.80 จุด
- สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) ประกาศระงับการใช้เซอร์กิตเบรกเกอร์ โดยมีผลตั้งแต่วันนี้
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(7 ม.ค.59)1,224.83 จุด ลดลง 35.21 จุด(-2.79%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,507.99 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 ม.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(7 ม.ค.59) ปิดที่ 33.27 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 70 เซนต์ หรือ 2.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(7 ม.ค.59)ที่ 10.51 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 36.25 กลับมาแข็งค่าตามภูมิภาค หลังจีนปรับค่ากลางเงินหยวน
- "ธนวรรธน์ พลวิชัย"รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย และผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนช่วงปีใหม่และมาตรการช็อปปิ้งลดหย่อนภาษี 1.5 หมื่นบาท จากกลุ่มตัวอย่าง 208 ตัวอย่าง พบว่ามีผู้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษี 1.86 ล้านคน จากผู้มีสิทธิที่เสียภาษี 3.25 ล้านคน มีเม็ดเงินสะพัด 1.75 หมื่นล้านบาท ได้อานิสงส์ไป 6,957 ล้านบาท เป็นเม็ดเงินที่มีการซื้อเพิ่มเติมถึง 1.09 หมื่นล้านบาท รัฐเสียรายได้ไป 3,188 ล้านบาท
- แบงก์ชาติมองปัจจัยภายนอก "จีน-ตะวันออกกลาง" ทำตลาดค่าเงินผันผวน ยอมรับความเสี่ยงในตลาดการเงินโลกมากขึ้น แต่ค่าบาทยังเกาะกลุ่มภูมิภาค แนะเอกชนจับตาใกล้ชิด
- กสทช.โชว์มูลค่าตลาดทีวีดิจิตอล 11 เดือนปี'58 อยู่ที่ 7.2 หมื่นล้านบาท พร้อมเผยการลงโฆษณาในช่องฟรีทีวีใหม่ชิง ส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 70% สวนทาง 6 ช่องฟรีทีวีเดิมลดลงกว่า 12% ส่วนช่อง 7 เอชดียังแชมป์เรตติ้งเดือน ธ.ค.
- "พิชัย ถิ่นสันติสุข"ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน สภาอุตสาห กรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)เผยวันที่ 8 มกราคมนี้ จะหารือร่วมกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)เพื่อประชุมร่างประกาศข้อกำหนดเรื่องการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชนและขยะอุตสาหกรรม รวม 550 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุนรวม 82,500 ล้านบาท ก่อนที่ กกพ.จะออกประกาศข้อกำหนดอย่างเป็นทางการ เพื่อให้การออกข้อกำหนดผลิตไฟฟ้าจากขยะให้เกิดความรัดกุมและรอบคอบ เพราะล่าสุดมีกระแสข่าวว่ามีนายหน้าในวงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน เริ่มออกมาเร่ขายใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าจากขยะประมาณ 70% ของปริมาณไฟฟ้าที่ 357 เมกะวัตต์ หลังมีการประสานกับเทศบาลต่างๆ ที่เป็นเจ้าของขยะ เพื่อขายต่อให้กับ ผู้ที่สนใจลงทุนแต่ไม่มีความสามารถหรือไม่มีเครือข่ายเพียงพอ
- คมนาคมสั่งศึกษา ความคุ้มค่ารถเมล์ไฟฟ้านำร่อง 200 คัน เตรียมเสนอ ครม.พิจารณา ก.พ.นี้ ด้าน ขสมก.เดินหน้าพิจารณาทีโออาร์ซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน คาด ก.พ. ประกวดราคา รับรถ ส.ค.นี้
- หอการค้า เผย ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค ธ.ค.58 อยู่ที่ระดับ 76.1 ปรับตัวดีขึ้นทุกรายการอย่างต่อเนื่องเป็น 3 และสูงสุดรอบ 7 เดือนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจช็อปปิ้งลดหย่อนภาษี ช่วยกำลังซื้อเพิ่มขึ้น เผยเงินสะพัด 1.75 หมื่นล้านหนุนจีดีพีเพิ่ม 0.1% จับตาเศรษฐกิจโลกผันผวน-ส่งออกเดี้ยง-ภัยแล้งฉุด
*หุ้นเด่นวันนี้
- KCE(ธนชาต)"ซื้อ"เป้า 85 บาท ธุรกิจ PCB ในอุตสาหกรรมยานยนต์เติบโตแกร่ง 7.4% ต่อปี และอัตรากำไรเร่งตัว จากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต คาดกำไรเติบโตเฉลี่ย 23% ต่อปี ช่วง 2016-18
- SVI(ยูโอบี เคย์เฮียน)งบ Q3 ออกมาดีแล้ว ต่อไปงบ Q4 จะเข้าสู่ช่วงพีค ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ทำให้ส่งออกง่ายขึ้นและไม่ส่งออกไปจีน ทำให้ผลกระทบจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวมีค่อนข้างน้อยต่อ SVI ส่วนปีนี้จะเดินเครื่องผลิตได้เต็มที่เหมือนก่อนช่วงไฟไหม้ ประกอบกับ demand จากยุโรปยังแข็งแกร่งอยู่และปีหน้าจะได้ลูกค้าใหม่จากอเมริกามา 6 ราย เป็นรายได้เสริมถึง 1,200 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรมีโอกาสจะโตถึง 32%ในปีหน้า แถม PE ของSVI ปัจจุบัน 11.6 เท่า ถูกกว่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 12.6 เท่าด้วย
- CPN(โกลเบล็ก)เป้า 65 บาท คาดการณ์กำไรปี 58 +16%YoY เป็น 8.5 พันล้านบาท จากแผนเปิดสาขาใหม่ปีละ 2-3 แห่ง โดยปี 58 จะเปิดสาขาใหม่ 3 แห่งที่ระยอง บางใหญ่ และสาขาถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ล่าสุดมีแผนเข้าซื้อโครงการเซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ตเฟส 1 มูลค่า 6.3 พันลบ.เพื่อต่อยอดพัฒนาร่วมกับเฟส 2 ที่จะเปิดในปี 60
- TPCH(ซีไอเอ็มบี)"ซื้อ"เป้า 29 บาท มีมูลค่าหุ้นน่าสนใจหลังถูกเทขาย และเล็งเห็น upside เพิ่มเติมเมื่อการก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จและ PTG ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า โครงการทั้งหมดยังคืบหน้าตามแผน
- AP(เออีซี)"ซื้อ"เป้า Consensus 8.0 บาท ปี 59 คาดกำไรโต 10%YoY และโตต่อ 21.9%YoY ในปี 60 จากการเปิดตัวโครงการใหม่ๆที่มากขึ้น รวมถึงการรับรู้กำไรจากบริษัทร่วมทุนราว 1 พันลบ.ในปี 60 ขณะที่ปัจจุบัน Trade ที่ Forward PER 5.8x +มี Upside 45% และคาดให้ Div. yield ปีละ 6.1%
- MAJOR(เออีซี)"ซื้อ"ป้า 35.7 บาท ปี 59 คาดกำไรปกติโต 22%YoY จาก Blockbuster ที่โดดเด่น โดยเฉพาะหนังแนว superhero หลายเรื่องที่จะเข้าฉายปีนี้ รวมถึงการขยายสาขาเชิงรุก โดยปี 58 ขยายไปแล้ว 80 โรง รวมเป็น 600 โรง และตั้งเป้าขยายเพิ่มเป็น 1,000 โรงใน 5 ปีนี้ และปัจจุบันราคามี Upside 10.6% และคาดให้ Div. yield 3.8%