บริษัทได้นำเสนอข้อมูลเพื่อตอกย้ำความมั่นใจให้กับกองทุนต่างๆ โดยระบุว่า ปัจจุบันบริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ทั้งในและต่างประเทศรวมกว่า 336 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ ขนาดกำลังการผลิต 90 เมกะวัตต์ ,โครงการพลังงานลมในประเทศ ขนาดกำลังการผลิต 170 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิต 65 เมกะวัตต์ ซึ่งในปี 2560 บริษัทตั้งเป้ามีโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนไม่น้อยกว่าทั้งในและต่างประเทศไม่น้อยกว่า 550-600 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ บริษัทยังมีศักยภาพในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับพันธมิตรที่ประเทศญี่ปุ่น นับจากช่วงนี้ยาวถึง 2-3 ปีข้างหน้า โดยกำหนดเป้าหมายไว้ไม่น้อยกว่า 250 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีโครงการโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์อยู่ในมือ 65 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดหวังผลตอบแทนจากส่วนเงินลงทุน (EIRR) ไม่น้อยกว่า 12%
ขณะเดียวกันบริษัทยังประสบความสำเร็จจากการเพิ่มทุน RO (Right Offering) ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมเป็นเงินกว่า 4 พันล้านบาท ส่งผลให้สินทรัพย์รวมและส่วนผู้ถือหุ้นเติบโตและมีสถานะที่แข็งแกร่ง และส่งผลให้มีอัตราหนี้สินต่อทุนในปัจจุบันเพียง 1.10 เท่า ประกอบกับยังมี Warrant ที่ผู้ถือหุ้นสามารถใช้สิทธิได้ในอัตรา 1:1 ในราคา 27 บาทในระยะเวลา 2 ปี
นอกจากนี้บริษัทจะจัดให้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 21 ม.ค.นี้ เพื่อวัตถุประสงค์ในการออกหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงให้กับธนาคารไทยพาณิชย์(SCB) ซึ่งแสดงเจตจำนงเข้าซื้อหุ้นดังกล่าวในวงเงินประมาณ 1 พันล้านบาท จะช่วยเสริมศักยภาพและยังผลให้บริษัทมีเงินทุนเพียงพอต่อการลงทุนสำหรับโครงการในอนาคตได้ถึง 600-650 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นหลักประกันได้ว่าบริษัทไม่จำเป็นต้องจัดหาแหล่งเงินทุนโดยการเพิ่มทุนอีกในระยะ 3-5 ปีข้างหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถือว่า GUNKUL ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (Market Cap.) ที่ 2,000 ล้านบาท เติบโตเป็น 30,000 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 15 เท่า อีกทั้งในปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 87 เมกะวัตต์ (ถือสัดส่วน 67%) จำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว และคาดว่าในปีนี้ช่วงเดือนมี.ค.59 จะสามารถจำหน่ายไฟฟ้าจากโครงการวินด์ฟาร์มจำนวน 10 เมกะวัตต์ ในโครงการซับพลู 1-2 ที่ตำบลห้วยบง อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา โดยจะจำหน่ายไฟฟ้าได้ครบทั้ง 60 เมกะวัตต์ ได้ภายในต้นเดือนก.ค.59
นายสมบูรณ์ กล่าวต่อว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 59 จะเติบโตไม่น้อยกว่า 25% มาที่ประมาณ 6,000 ล้านบาท เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ บริษัท รางเงิน โซลูชั่น จำกัด ขนาดกำลังการผลิต 87 เมกะวัตต์ (ถือสัดส่วน 67%) และจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม 2 โครงการคือ โครงการซับพลูวินด์ฟาร์ม 1,2 และ วายุวินด์ฟาร์ม ขนาดกำลังการผลิต 60 เมกะวัตต์ ของ บริษัท พัฒนาพลังงานลม
อีกทั้งภาครัฐยังได้ส่งเสริมโครงการพลังงานทดแทน ซึ่งบริษัทได้เข้าร่วมโครงการโซล่าร์สหกรณ์และราชการ โดยได้รับประกาศผ่านคุณสมบัติแล้ว 50 เมกะวัตต์ จากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) โดยคาดว่าโครงการดังกล่าวจะก่อสร้างและจำหน่ายไฟฟ้าและรับรู้รายได้ในปี 59 นี้
"บริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น และโครงการวินด์ฟาร์มอีกสองโครงการให้เสร็จสิ้นตามแผนงาน รวมถึงการจัดหา PPA ในโครงการใหม่ครอบคลุมทุกด้านทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายความเป็นผู้นำด้านพลังงานทดแทนและก้าวสู่บริษัทพลังงานสะอาดชั้นนำในอนาคตอันใกล้นี้ต่อไป"นายสมบูรณ์ กล่าว