ในส่วนผลกระทบจากแรงขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในปีนี้ ประเมินจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากต้นทุนการถือครองเฉลี่ยในปี 55 อยู่ที่ระดับ 1,320 จุด ซึ่งสูงกว่าระดับดัชนีหุ้นไทยในปัจจุบัน
ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือนม.ค.นี้ คาดอยู่ที่ระดับ 1,200–1,300 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ช่วยหนุนการบริโภคให้ฟื้นตัว การลงทุนภาครัฐ และการลงทุนเอกชนที่เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ต้องจับตามองยังคงเป็นเรื่องทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐและราคาน้ำมันตลาดโลก
ส่วนกรอบเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1,173–1,428 จุดอิง EPS ตลาดปี 2559 ที่ 102 บาท และ Forward P/E 11.50–14.00 เท่า (อ้างอิงฐานข้อมูลBloomberg) อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการตลาดหุ้นไทยยังมีความเสี่ยงถูกปรับลดจากทิศทางราคาน้ำมันที่อาจจะส่งผลกระทบด้านลบต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานที่น้ำหนักการลงทุนคิดเป็นสัดส่วน 15% ของตลาดหุ้นไทย
ทั้งนี้ แนะนำทยอยซื้อลงทุนในหุ้นกลุ่มสายการบิน และท่องเที่ยว เช่น AOT,AAV,BA,CENTEL,ERW ที่คาดจะได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวที่ปีนี้คาดจะมีนักท่องเที่ยวจำนวน 32 ล้านคน และจะสร้างรายได้ 2.3 ล้านล้านบาท, กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เช่น CK, STEC, กลุ่มค้าปลีกที่ได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายช่วงปลายปี เช่น BIGC,ROBINS,HMPRO และกลุ่มธุรกิจโรงกลั่น เช่น BCP,IRPC,TOP ได้รับประโยชน์ค่าการกลั่นทรงตัวในระดับสูง