บลจ.เมย์แบงก์ ตั้งเป้า AUM ปี 59 แตะหมื่นลบ.ลุยออก 4-5 กองตปท.หวังขึ้นผู้นำ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 12, 2016 12:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายตรีพล ภูมิวสนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แผนงานปี 59 บริษัทมีแผนจะเสนอขายกองทุนต่างประเทศอีก 4-5 กองทุน และบริหารกองทุนเองอีก 1-2 กองทุน โดยตั้งเป้าว่ามูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ในปีนี้จะเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท สำหรับกองทุนแต่ละกองของเมย์แบงก์ในปีนี้จะมีความโดดเด่นชัดเจนและเป็นเครื่องมือการลงทุนที่ดีและแตกต่างให้แก่นักลงทุน ซึ่งปีนี้นักลงทุนจะเห็นฝีมือผู้จัดการกองทุนของเมย์แบงก์มากขึ้นว่า เราเป็นมืออาชีพด้านการลงทุนต่างประเทศตัวจริง และเป็นบทพิสูจน์ของการมีสาขาในอาเซียนว่า ช่วยสร้างโอกาสทางลงทุนแก่นักลงทุนอย่างไร ในส่วนด้านการตลาดเราเน้นเพิ่มช่องทางการขายโดยจะมีจำนวนเอเย่นมากขึ้นอีกหลายรายและนักลงทุนจะสามารถซื้อขายกองทุนได้สะดวกยิ่งขึ้นผ่านการบริการ Online

ทั้งนี้ บลจ.เมย์แบงก์ วางจุดยืนด้านการลงทุน (Position) จะเป็นผู้นำด้านการลงทุนต่างประเทศและมีเครือข่าย (Connection) ที่ดีในอาเซียน จึงหนีไม่พ้นการนำกองทุนต่างชาติที่มีลักษณะพิเศษแตกต่างจากในอุตสาหกรรมกองทุนไทยเข้ามาให้นักลงทุนได้เลือกลงทุน นอกจากนี้ ในปี 59 ยังเป็นปีที่ บลจ.เมย์แบงก์ จะเริ่มออกกองทุนที่บริหารโดยทีมงานผู้จัดการกองทุนของบริษัทเองมากขึ้น ซึ่งน่าจะช่วงสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจนขึ้นว่า การที่เมย์แบงก์มีสาขาในหลายประเทศในอาเซียนนั้นจะเพิ่มโอกาสการลงทุนให้แก่นักลงทุนอย่างไรตามที่กล่าวไว้ในข้างต้น

สำหรับปี 58 ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่ท้าทายสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) เติบโตเกือบ 15% หรือแตะ 1200 ล้านบาท แม้ว่าจะใกล้เคียงของเดิมแต่สัดส่วนของกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ(Foreign Investment Fund: FIF) กลับเพิ่มมากขึ้น โดยในปี 58 เพิ่มกองทุนเอฟไอเอฟ 2 กองรวมเป็น 8 กองทุน ซึ่งแต่ละกองทุนต่างมีจุดแข็งแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นกองทุน Maybank Global Absolute Return Fund (M-GARS) ที่เน้นสร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอในระยะ 3 ปี คาดหวังผลตอบแทนเหมือนหุ้นแต่ผันผวนน้อยเหมือนตราสารหนี้ หรือกองทุน Maybank US Active Equity (M-USA) ที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางถึงเล็กของสหรัฐฯ ลงทุนโดยผู้จัดการกองทุนชั้นเยี่ยมจาก Wells Fargo

แนวโน้มการลงทุนในปี 59 นั้นตลาดยังคงผันผวนและมีความไม่แน่นอนสูง การเติบโตของเศรษฐกิจโลกจากกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วเริ่มมีจำกัด ประกอบกับการเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯยิ่งเพิ่มความกังวลให้กับตลาด ดังนั้น ปี 59 จึงเป็นปีที่ท้าทายสำหรับนักลงทุนอีกปีหนึ่ง แต่ในทางกลับกันก็ยังมีโอกาสที่ดีแฝงอยู่สำหรับนักลงทุนระยะยาว

ปัจจัยที่ต้องติดตามสำหรับการลงทุนปีนี้ ได้แก่ ราคาน้ำมัน เศรษฐกิจจีน การเลือกตั้งในสหรัฐ ส่วนในยุโรปก็คงไม่พ้น Brixit และ Grexit แต่ที่น่าจับตามองอย่างใกล้ชิดคือ อัตราค่าแรงในสหรัฐถ้าขึ้นเร็วและแรงไปอาจเป็นผลไม่ดีกับผลประกอบการของบริษัท ถ้าอ่อนไปอาจไม่ดีกับเศรษฐกิจและเงินสะพัดโดยรวม

ด้านกลยุทธ์การลงทุนนั้นขึ้นอยู่กับเป้าหมายของนักลงทุน ถ้านักลงทุนจัดสรรเงินลงทุนเองปีหน้า หุ้นขนาดเล็กในยุโรปน่าสนใจ เพราะอยู่ในช่วงฟื้นตัวและมีราคาไม่แพงมากนัก หุ้นสหรัฐฯ ต้องเลือกหุ้นที่ได้ผลประโยชน์จากการควบรวม ซึ่งกองทุน Maybank US Active Equity (M-USA) ก็อาจเป็น 1 ในตัวเลือกได้ นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าหุ้นญี่ปุ่นยังน่าสนใจอยู่ ด้านตราสารหนี้คงเลี่ยงตราสารหนี้ระยะยาว และลงทุนในตราสารหนี้ยังให้ผลตอบแทนที่สูง (High Yield )โดยเฉพาะบริษัทในยุโรป


แท็ก เมย์   ลุย  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ