(เพิ่มเติม) TOP ลงทุน 5 ปี(59-63)4-5 พันล้านเหรียญฯเน้นเพิ่มประสิทธิภาพลองเรสซิดิว

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 12, 2016 16:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ตั้งงบลงทุนในช่วง 5 ปี(ปี 59-63) จำนวนเงิน 4-5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่จะลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพลองเรสซิดิว(long residue) เพื่อเปลี่ยนผลิตภัณฑ์น้ำมันเตาเป็นน้ำมันใส และการปรับปรุงหน่วยการกลั่นน้ำมันดิบเพิ่มกำลังการผลิต ภายใต้โครงการ Clean Fuel Project : CFP) ใช้วงเงินลงทุนราว 3-4 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยคาดว่าจะสรุปแผนลงทุนทั้งหมดในสิ้นปี 59 และหากตัดสินใจลงทุนจะแล้วเสร็จใน 4 ปี ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังการกลั่นเพิ่มเป็น 4 แสนบาร์เรล/วัน จากปัจจุบัน 2.75 แสนบาร์เรล/วัน

"งบลงทุนในช่วง 5 ปีนี้ใหญ่ๆก็จะอยู่ที่โครงการ CFP โปรเจคอื่นๆไม่มาก ก็จะมีการปรับปรุง infrastructure ต่างๆ และโครงการลงทุนต่อเนื่องที่ยังเหลืออยู่"นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ TOP กล่าว

นายอธิคม กล่าวว่า สำหรับโครงการ CFP อยู่ระหว่างการออกแบบเบื้องต้น(basic design) หลังจากนั้นจะทำ Front End Engineering Design คือการออกแบบวิศวกรรม ซึ่งจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 59 เพื่อเตรียมเปิดประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้าง

การเพิ่มประสิทธิภาพดังกล่าวทำให้ได้น้ำมันใสที่มีมูลค่าเพิ่มออกมามากขึ้น ดังนั้น เพื่อให้เกิดการคุ้มค่ากับการลงทุนก็จะพิจารณาขยายหน่วยกลั่นน้ำมันดิบ (CDU) เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้กำลังการกลั่นเพิ่มเป็นราว 4 แสนบาร์เรล/วัน โดยคาดว่าจะสรุปการลงทุนของโครงการนี้ได้ในช่วงสิ้นปี 59 เบื้องต้นคาดว่ามูลค่าลงทุนจะอยู่ที่ราว 3-4 พันล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากนี้ บริษัทยังจะมีการลงทุนเพิ่มเติมในโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก(SPP)จำนวน 2 โรง กำลังการผลิต 239 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 498 ตัน/ชั่วโมง ซึ่งจะแล้วเสร็จในเดือน เม.ย. และ พ.ค.นี้ ขณะที่โครงการผลิตสาร LAB (Linear Alkyl Benzene) ขนาด 1 แสนตัน/ปี ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว และจะเริ่มเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือน ก.พ.นี้ ซึ่งจะทำให้มาร์จิ้นรวมของบริษัทดีขึ้น จากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง

ทั้งนี้ แหล่งเงินลงทุนในช่วง 5 ปี ก็จะมาจากกระแสเงินสดที่มีอยู่ราว 4-5 หมื่นล้านบาท และกำไรที่จะทำได้ในแต่ละปีที่จะเพิ่มเข้ามา โดยในช่วงที่ราคาน้ำมันลดลงทำให้มีกระแสเงินสดเข้ามามากขึ้นจากผลที่บริษัทใช้เงินหมุนเวียนซื้อน้ำมันลดลงมาก ขณะที่ยังมีหนี้สินต่อทุน(D/E)อยู่ในระดับต่ำราว 0.3-0.4 เท่า ทำให้มีศักยภาพในการกู้เงินเพื่อมาลงทุนด้วย

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 58 บริษัทสามารถเดินเครื่องกลั่นน้ำมันได้ราว 3 แสนบาร์เรล/วัน ซึ่งสูงกว่ากำลังการกลั่นเต็มที่ที่ระดับ 2.75 แสนบาร์เรล/วัน ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานปิโตรเคมีอยู่ที่ราว 80% เนื่องจากมาร์จิ้นของธุรกิจอะโรเมติกส์ยังไม่ดีนัก แต่มาร์จิ้นของธุรกิจกลั่นอยู่ในเกณฑ์ดี โดยมีค่าการกลั่น(GRM)ไม่รวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมันอยู่ที่ระดับ 7.8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้มาร์จิ้นรวมของบริษัทในปีที่ผ่านมายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้จะยังได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ยังอยู่ระดับต่ำ แต่แนวโน้มค่าการกลั่นยังอยู่ในเกณฑ์ดี จากความต้องใช้ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะส่วนต่างระหว่างราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปเบนซิน ที่อยู่ในเกณฑ์สูงมาก ขณะที่โรงกลั่นของบริษัทมีการผลิตน้ำมันเบนซินและแนฟทา ในสัดส่วนราว 30%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ