ขณะที่ยังมั่นใจว่าปีนี้จะมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี ,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA margin)ในปีนี้เพิ่มเป็น 12% จาก 11% ในปีที่แล้ว แม้จะมีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมันในระหว่างวันที่ 4 พ.ค.-5 ก.ค. และหยุดซ่อมบำรุงโรงโอเลฟินส์ขนาด 1ล้านตัน/ปี ระหว่างวันที่ 22 ก.พ.-31. มี.ค. ก็ตาม แต่เนื่องจากในปีนี้บริษัทจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากการขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆที่แล้วเสร็จในต้นปี 59
"ราคาน้ำมันลดต่ำลงกว่าคาดโดยลดต่ำลงรอบ 12 ปี ทางคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงของบริษัทมอนิเตอร์ตลอดและใช้ทุกเครื่องมือมาดูแลซึ่งปีนี้เรามีกำลังผลิตเพิ่มจากอะโรติกส์ แม้จะมีการ shut down โรงปิโตรเคมีและโรงกลั่นน้ำมัน แต่ก็มั่นใจ EBITDA margin ปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 12%"นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
สำหรับกำลังการผลิตปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์โดยรวมจะเพิ่มขึ้นในปีนี้ ได้แก่ โครงการเอทิลีนออกไซด์ กำลังผลิตเพิ่ม 9 หมื่นตัน/ปี, ผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ โดยเพิ่มกำลังการผลิตพาราไซลีน อีก 1.15 แสนตัน/ปี และเบนซีน 3.5 หมื่นตัน/ปี ,โครงการขยายกำลังการผลิตฟีนอล 2.5 แสนตัน/ปี
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า สำหรับราคาหุ้น PTTGC ที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (book value) ที่อยู่ในระดับ 53 บาท/หุ้นนั้น เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของโลก ทั้งปัญหาจีน ปัญหาความไม่สงบหลายพื้นที่ ปัญหาราคาน้ำมันตกต่ำ และการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)จะทยอยขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ผู้ถือหุ้นของบริษัทมีสัดส่วนเป็นต่างชาติราว 30% ดังนั้น เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลง ทำให้นักลงทุนบางส่วนโยกเงินกลับ แต่หากนักลงทุนยังเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยที่จะดีขึ้น ก็จะทำให้นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนและจะช่วยหนุนให้ราคาหุ้นฟื้นตัวขึ้นได้
ด้านนางสาวดวงกมล เศรษฐธนัง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี ของ PTTGC กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้ซื้อหุ้นคืนจากตลาดหลักทรัพย์ฯจำนวนกว่า 40 ล้านหุ้น จากที่คณะกรรมการอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนจำนวน 90 ล้านหุ้นเพื่อเป็นการบริหารทางการเงิน