"ภาพรวมของบริษัทฯ น่าจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น โดยตั้งเป้ารายได้เติบโต 4.5 พันล้านบาท หรือ 27% จากปีก่อน และความสามารถการทำอัตรากำไรสุทธิที่ 10% จากการดำเนินกลยุทธ์ต่างๆ ที่เรามั่นใจว่าจะทำได้ตามแผน"นายสุรชัย กล่าว
สำหรับงบลงทุนด้านคอนเทนต์ปีนี้บริษัทเตรียมไว้ 2 พันล้านบาท โดยให้น้ำหนักกับช่อง 8 มากที่สุด เนื่องด้วยวางช่อง 8 เป็นหัวหอกในการสร้างรายได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากที่ปี 58 ประสบความสำเร็จสร้างเรตติ้งเติบโตมากกว่าเท่าตัว โดยมีเรตติ้งอันดับที่ 4 ของประเทศ ทำให้คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีเรตติ้งจบอยู่ที่ 7-8 แสนคนต่อนาที จากปัจจุบัน 3.5 แสนคนต่อนาที จึงวางงบลงทุนเฉพาะช่อง 8 มากกว่า 1 พันล้านบาท
แบ่งออกเป็น 1 พันล้านบาทสำหรับลงทุนผลิตละครใหม่ไม่ต่ำกว่า 30 เรื่อง เพื่อรองรับการออกอากาศให้ครบทั้ง 7 วัน โดยปัจจุบันช่อง 8 มีทีมผลิตละครแข็งแกร่งครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เป็นผลมาจากขยายโครงสร้างฝ่ายผลิตละคร และเซ็นสัญญารับจ้างผลิตละครให้เฉพาะช่อง 8 อาทิเช่น บริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ของเมย์ เฟื่อง-หนุ่ม กรรชัย, บริษัท เกียรติระพี จำกัด ของเอ๊ะ อิศริยา สายสนั่น เป็นต้น โดยปีนี้จะผลิตละครฟอร์มยักษ์ 1 เรื่องต่อไตรมาส ได้แก่ ล่าดับตะวัน เชลยศึก ระบำไฟ เป็นต้น
ขณะที่อีก 800 ล้านบาทสำหรับลงทุนผลิตรายการวาไรตี้, รายการกีฬา และรายการข่าวทุกช่อง ส่วนที่เหลืออีก 200 ล้านบาทสำหรับการลงทุนพัฒนาระบบไอทีและโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างการจดจำและรับรู้ช่อง 8 ออกอากาศหมายเลข 27 โดยเริ่มแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.59 ได้ทยอยติดตั้งป้ายโฆษณากลางแจ้ง “ช่อง 8" ทุกจุดสำคัญทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงหัวเมืองใหญ่และเส้นทางเดินรถระหว่างเมืองจำนวนกว่า 400 แห่ง จากนั้นในวันที่ 1 มี.ค. จะติดตั้งสื่อบิลบอร์ดทางด่วน, จอแอลอีดีบนรถเมล์ ตลอดจนจอแอลอีดีที่สนามบินสุวรรณภูมิ, สถานีรถขนส่งหมอชิต, สถานีรถไฟหัวลำโพง รวมถึงจอทีวีในจุดสาธารณะประเภทต่างๆ
ส่วนแผนธุรกิจช่อง 2 จะเดินหน้าสร้างคอนเทนต์ให้สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ใหม่ "ช่อง 2. บันเทิง มาเต็ม" ด้วยการเพิ่มทีมข่าวบันเทิงมืออาชีพเต็มรูปแบบกว่า 60 ชีวิต เกาะติดรายงานสดทุกสถานการณ์บันเทิง มุ่งเป้าเร็วที่สุดเข้มข้นที่สุด รวมทั้งดึงละครดังจากอาร์เอสฯออกอากาศดันเรตติ้งถึง 3 ช่วงเวลา ได้แก่ ละครช่วงเช้า เวลา 16.30 น. ละครช่วงเที่ยงเวลา. 11.30 น. และละครช่วงเย็นเวลา 18.30 น.
ด้านธุรกิจเพลงยังคงเดินหน้าตอบโจทย์กลุ่มผู้ฟังทุกเพศทุกวัย ซึ่งปีนี้จะเห็นผลงานเพลงออกมาป้อนตลาดมากกว่า 100 ซิงเกิ้ลและเพลงประกอบละครอีก 30 เพลง
สำหรับแผนการปรับขึ้นค่าโฆษณาปีนี้ บริษัทคาดจะสามารถปรับขึ้นได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้เป็นต้นไป ตามเรตติ้งที่เพิ่มขึ้น โดยน่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 5-6 หมื่นบาทต่อนาที จากปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที 3 หมื่นบาทต่อนาที เนื่องด้วยครึ่งปีหลังนี้น่าจะเห็นการใส่เม็ดเงินโฆษณาของกลุ่มเอเจนซี่มากขึ้น จากความเชื่อมั่นการลงทุนต่างๆของภาครัฐที่เริ่มจะมีออกมาชัดเจนขึ้น แต่อย่างไรก็ตามบริษัทสามารถปิดยอดขายโฆษณาล่วงหน้าได้แล้วกว่า 50% จากเป้าที่ตั้งไว้ 2,000 ล้านบาท และเชื่อมั่นว่าการขายระหว่างจะอีกราว 40% จะสามารถปิดยอดขายตามเป้าได้อย่างแน่นอน
"ปีนี้เป็นปีที่ท้าทาย โดยเราใช้ความระมัดระวัง รอบคอบเป็นอย่างยิ่งในการวางแผนการดำเนินธุรกิจในปี 59 ซึ่งนำภาพรวมอุตสาหกรรมโทรทัศน์ เศรษฐกิจมหาภาค ปัจจัยผลกระทบต่างๆ มาปรับโครงสร้างและการดำเนินธุรกิจของอาร์เอส ก็น่าจะเป็นแผนที่ปฎิบัติได้ และเป็นไปตามเป้าหมาย"นายสุรชัย กล่าว
นายสุรชัย กล่าวว่า การแข่งขันของอุตสาหกรรมโททัศน์ในปีนี้ ยังคงรุนแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเรื่องของคอนเทนท์ ระหว่างผู้ประกอบด้วยกันเอง เพื่อแย่งชิงสายตาคนดู รวมถึงยังมีปัจจัยลบจากการปรับลดงบโฆษณาของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ทั้งบริษัทข้ามชาติและบริษัทในประเทศไทย ยกเว้นกลุ่มโทรคมนาคม ซึ่งมองว่าเม็ดเงินโฆษณาที่จะหายไปจะเกิดในช่วงครึ่งปีแรกเท่านั้น แต่จะกลับมาดีขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ได้