ทิสโก้ยังมีมุมมองที่เป็นบวกต่อการเติบโตของเศรษฐกิจยุโรป ซึ่งแม้จะโดนผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แต่การบริโภคในประเทศซึ่งได้รับแรงกระตุ้นจากมาตรการผ่อนคลายทางเศรษฐกิจ ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญของยุโรป โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจยุโรปในปีนี้ ประกอบด้วยราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการใช้จ่ายของผู้บริโภค เช่นเดียวกับมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) นอกจากนี้ ค่าเงินยูโรที่ยังคงอ่อนตัวเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐฯ จากทิศทางนโยบายการเงินที่สวนทางกัน ก็เป็นปัจจัยบวกต่อการส่งออกของยุโรป
จากปัจจัยทั้งหมด ทิสโก้จึงยังคงมีมุมมองว่าตลาดหุ้นยุโรปมีความน่าสนใจ โดยเฉพาะตลาดหุ้นเยอรมนี ซึ่งเชื่อว่าเศรษฐกิจเยอรมนีในปีนี้ จะยังขยายตัวต่อเนื่องจากหลายปัจจัยหนุน ทั้งการบริโภคในประเทศ อัตราว่างงานต่ำ ค่าจ้างแรงงานเพิ่ม และงบประมาณเพิ่มเติมจากภาครัฐกรณีผู้อพยพ รวมถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยจากภัยก่อการร้าย และที่สำคัญตลาดหุ้นเยอรมันยังมี P/E ต่ำสุดในกลุ่มยุโรป และผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนเยอรมันจะได้ประโยชน์จากค่าเงินยูโรที่ยังคงทิศทางอ่อนค่าตามนโยบายของ ECB นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเยอรมนียังมีสัดส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานต่ำ จึงได้รับผลกระทบไม่มากจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง จึงแนะนำเป็นโอกาสเพิ่มสัดส่วนการลงทุน (overweight) ในช่วงจังหวะหุ้นปรับฐาน คาดเป้าหมายดัชนีหุ้นเยอรมนี (DAX) มีโอกาสแตะระดับ 12,000 จุด โดยมี upside อีกมากพอสมควร
ทั้งนี้ “กองทุนเปิด ทิสโก้ เยอรมัน อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8%#6" จะเน้นลงทุนในบริษัทชั้นนำของโลกที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นเยอรมนี (DAX) อาทิ Bayer, Daimler, Siemens, Allianz, SAP, Deutsche Bank และ Volkswagen ผ่านกองทุนหลักคือ db x-trackers DAX UCITS ETF (DR) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนของกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนีตลาดหลักทรัพย์เยอรมัน (DAX) มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 5,000 บาท เนื่องจากกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศและไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนจึงอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้