นอกจากนี้ นายสมคิด ได้มอบหมายให้นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง มาช่วยเจรจาใน 2 เรื่องหลัก คือ รูปแบบการลงทุนโดยต้องการให้ทางจีนมีสัดส่วนการลงทุนที่มากขึ้น จากขณะนี้ที่กำหนดสัดส่วนไทย:จีน 40:60 อาจจะปรับเป็น 30:70 เป็นต้น และสัดส่วนในการลงทุนจะต้องครอบคลุมไปถึงการก่อสร้างด้วยจากเดิม จะครอบคลุมเรื่องการเดินรถ ส่วนเรื่องแหล่งเงินนั้น หลังจากเจรจาเรื่องสัดส่วนการลงทุนได้แล้วหากไทยใช้เงินไม่มากนัก อาจจะหาแหล่งเงินเองหรืออาจจะยังคงกู้จากจีนก็ได้ ดังนั้นเรื่องอัตราดอกเบี้ยจึงไม่ใช่ประเด็นในขณะนี้ ต้องรอการเจรจาเรื่องสัดส่วนการลงทุนได้ข้อสรุปก่อน
นายอาคม กล่าวต่อว่า รูปแบบจะเป็นการตั้งบริษัทร่วมหรือ SPV โดยหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเรื่องสัดส่วนการร่วมทุนนั้น นอกจากมูลค่าต้นทุนโครงการแล้ว ยังมีเรื่องเทคโนโลยีของจีน และปริมาณการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารจะมาจากทางจีนมากกว่าจากไทย สำหรับต้นทุนโครงการนั้นขณะนี้บริษัทที่ปรึกษากำลังตรวจสอบรายละเอียด และข้อเสนอของฝ่ายจีนมาประเมินร่วมกันผลการศึกษาของไทย โดยจะให้เวลาทำงาน 1 เดือนเพื่อให้ได้ข้อสรุปก่อนจะมีการประชุมครั้งที่ 10 และยังคงเป้าหมายเดิมในการตอกเสาเข็มในเดือน พ.ค.59
“การปรับเพิ่มสัดส่วนของจีนนั้น เพื่อให้จีนเข้ามารับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ส่วนบริษัทร่วมทุนจะเป็นเจ้าของร่วมกันระหว่างไทย-จีน ในเรื่องกรรมสิทธิ์ต่างๆ นั้นจะต้องเจรจาในรายละเอียดการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ประเด็นการใช้ประโยชน์จากเขตทางรถไฟ สิทธิในการใช้ที่ดินโดยการรถไฟฯ ยังคงเป็นเจ้าของที่ดิน ราง ดังนั้น บริษัทร่วมทุนที่จะเข้ามาพัฒนาก่อสร้างและเดินรถจะต้องจ่ายค่าใช้พื้นที่ ค่าสิทธิในการใช้ทาง ต่างๆ ยืนยันไทยไม่เสียสิทธิใดๆ บนที่ดินรถไฟ" รมว.คมนาคม กล่าว
ส่วนที่มีกระแสข่าวออกมาว่า จะมีการยกเลิกการเจรจากับจีนเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยแพง และจะเปลี่ยนไปเจรจากับทางญี่ปุ่นแทนนั้น นายอาคมกล่าวว่า ไม่ทราบ