บลจ.ธนชาต ทราบดีว่าความต้องการแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เมื่อ 3 ปีก่อนจึงได้ออกกองทุน T-LowBeta กองทุนหุ้นผันผวนต่ำกว่าตลาดให้กับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนแต่ไม่อาจทนรับความเสี่ยงมากๆ ได้ ซึ่งกองทุน T-LowBetaก็สามารถทำผลงานได้ดี โดยนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในเดือนมีนาคมปี 2555 กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 77.33% ในขณะที่ SET Indexเพิ่มขึ้นเพียง 6.99%เท่านั้นและในปี 2558 ยังสามารถทำผลตอบแทนได้2.61% ทั้งๆที่ตลาดหุ้นไทยติดลบถึง -14% เรียกได้ว่าทำได้ดีกว่าตลาดถึง 16.6% นับว่าเป็นกองทุนหนึ่งในอุตสาหกรรมกองทุนไทยที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม
แม้กองทุน T-LowBeta จะถือว่ามีความผันผวนต่ำกว่าตลาดแล้วก็ตาม แต่ บลจ.ธนชาต ก็ตระหนักดีว่ายังมีผู้ลงทุนอีกกลุ่มที่ไม่เคยลงทุนในหุ้น แม้จะรู้ว่าผันผวนน้อยกว่าตลาดก็ยังไม่กล้าย้ายตัวเองออกจากเงินฝาก จึงได้คิดค้นผลิตภัณฑ์กองทุนหุ้นแบบผันผวนต่ำมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อตอบโจทย์ดังกล่าวโดยเฉพาะ โดยกองทุน T-PrimeLowBeta นี้เป็นกองทุนหุ้นที่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีการเคลื่อนไหวต่ำกว่าตลาด (Beta น้อยกว่า 0.85 ในรอบเฉลี่ย 3 ปี)
"กล่าวอย่างง่ายๆ คือ ตลาดผันผวนเท่าไหร่ กองทุนนี้จะผันผวนน้อยกว่ามากตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ จากสถิติที่ได้ใช้ข้อมูลจริงย้อนหลัง 3 ปีตั้งแต่ปี 2555 -2558 ซึ่งเป็นความต่างหลักข้อหนึ่งระหว่างกองทุน T-PrimeLowBeta และ T-LowBeta เพราะว่ากองทุน T-LowBeta จะดูความผันผวนว่าต่ำกว่าตลาดในรอบ 1 ปีเท่านั้น ซึ่งกองทุน T-PrimeLowBeta ใช้ค่า Beta ถึง 3 ปี ซึ่งในส่วนของผลตอบแทนที่คาดการณ์พบว่าพอร์ตตัวอย่างสามารถสร้างอัตราเงินปันผลเฉลี่ยได้ถึงปีละ 3% ทั้งๆ ที่อัตราเงินฝากประจำ 1 ปีในปัจจุบันเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 1-2% เท่านั้น จึงเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ฝากเงินที่กำลังหาหนทางชนะภาวะดอกเบี้ยต่ำในปัจจุบัน ประกอบกับว่าหากตลาดหุ้นไทยสามารถทำผลตอบแทนได้ดี ก็คาดว่าพอร์ตลงทุนจะสามารถสร้างผลตอบแทนโดยรวมได้ถึงประมาณ 7-8%"นายบุญชัยกล่าว
กองทุน T-PrimeLowBeta ในช่วงแรกกองทุนนี้จะเป็นกองทุนปิดอายุ 1 ปี หลังจากนั้นจะเปลี่ยนเป็นกองทุนเปิดให้ซื้อขายได้ทุกวันทำการ โดยในปีแรกจะเปิดขายอีก 4 ครั้ง คือในช่วง 5 วันทำการแรกของเดือน มี.ค./ เม.ย/ ก.ค. และ ต.ค.ทั้งนี้หากผู้มีเงินฝากที่ลงทุนในช่วงเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 21 – 29 มกราคม 2559 จะได้รับการลดค่าธรรมเนียมค่าเข้าเป็นพิเศษ