ทั้งนี้ ในปี 58 เศรษฐกิจไทยมีการขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากผลกระทบของภาคการส่งออกที่ ชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญโดยเฉพาะจีน การลงทุนและการบริโภคของภาคเอกชนที่ยังอ่อนแอ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงปัญหาภัยแล้ง อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวยังคงเติบโตได้ดี ขณะที่ภาครัฐได้มีมาตรการต่างๆ เพื่อบรรเทาสภาพเศรษฐกิจและได้เร่งดำเนินการตามแผนการลงทุน นอกจากนี้การบริโภคภาคเอกชนเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนธ.ค.58 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 1,868,903 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86,670 ล้านบาท หรือ 4.9% จากสิ้นปีก่อน โดยเติบโตจากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายกลาง สินเชื่อลูกค้าบุคคล และสินเชื่อกิจการธนาคารต่างประเทศ
ธนาคารยังคงเน้นการบริหารความเสี่ยงด้านคุณภาพสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมพร้อมทั้งให้คำปรึกษา และความช่วยเหลือลูกค้าอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องเสมอมา ส่งผลให้สินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับบริหารจัดการได้ โดย ณ สิ้นเดือนธ.ค.58 ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพจำนวน 56,226 ล้านบาท ลดลงจาก ณ สิ้นเดือนก.ย.58 ที่ 58,112 ล้านบาท และมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่ออยู่ที่ 2.8% ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับ ณ สิ้นเดือนก.ย.58
ธนาคารยึดหลักความระมัดระวังด้วยการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญอย่างสม่ำเสมอ สำหรับปี 58 ธนาคารมีค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 14,654 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อรวมที่ 5.6%
ด้านสภาพคล่อง ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนธ.ค.58 จำนวน 2,090,965 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32,186 ล้านบาท หรือ 1.6% จากสิ้นปี 57 โดยมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 89.4% ณ สิ้นปี 58 เพิ่มขึ้นจาก 86.6% ณ สิ้นปี 57 เนื่องจากเงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้นมากกว่าเงินรับฝาก ในขณะที่สัดส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อเงินรับฝากรวมอยู่ในระดับสูงที่ 43.4% ทั้งนี้ ธนาคารยังคงให้ความสำคัญเรื่องการบริหารสภาพคล่องควบคู่ไปกับการบริหารต้นทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
สำหรับผลประกอบการในปี 58 ธนาคารมีกำไรสุทธิ จำนวน 34,181 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 57,510 ล้านบาท ลดลง 1,487 ล้านบาท หรือ 2.5% และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ ลดลง 0.21% เป็น 2.16% ตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับลดลง 0.50% ในครึ่งแรกปี 58
ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในปี 58 มีจำนวน 45,219 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,359 ล้านบาท หรือ 19.4% ส่วนใหญ่มาจากกำไรสุทธิจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศ และกำไรสุทธิจากเงินลงทุน สำหรับรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ มีจำนวน 24,071 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,345 ล้านบาท หรือ 10.8% จากปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นจากค่าบริหารกองทุนรวม ค่าธรรมเนียมการรับประกันการจัดจำหน่ายตราสารทางการเงิน และค่าธรรมเนียมรับจากเงินให้สินเชื่อ นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายจากการดำนินงานมีจำนวน 45,045 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,958 ล้านบาท หรือ 4.5% ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นที่ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานลดลงเป็น 43.8%
ด้านเงินกองทุน ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งสามารถรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต โดยหากนับรวมกำไรสุทธิ สำหรับงวดก.ค.-ธ.ค.58 เข้าเป็นเงินกองทุน อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยจะอยู่ในระดับประมาณ 18.7% , 16.6% และ 16.6% ตามลำดับ
ส่วนของเจ้าของ ณ วันที่ 31 ธ.ค.58 มีจำนวน 361,832 ล้านบาท คิดเป็น 12.7% ของสินทรัพย์รวม และมูลค่าตามบัญชีเท่ากับ 189.56 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 20.09 บาท จากสิ้นปี 57