นอกจากนี้การลงทุนต่างๆของภาครัฐ ก็จะกระตุ้นให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงการลงทุนในโครงข่าย 4G จะยิ่งช่วยสนับสนุนให้ยอดขายสินค้าอุปกรณ์เสริมสมาร์ทโฟนสูงขึ้นเช่นกัน ขณะเดียวกันการที่ภาคเอกชนจะปรับเปลี่ยนระบบไอทีที่ครบอายุ เพื่อให้มีความทันสมัยมากขึ้น ก็จะช่วยส่งเสริมภาพรวมของตลาดไอทีให้ดีขึ้นด้วย
สำหรับตลาดอินโดไชน่า บริษัทคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 1,000 ล้านบาท จากราว 700-800 ล้านบาทในปีก่อน ซึ่งเมียนมาร์ยังเป็นประเทศที่มีการเติบโตค่อนข้างมาก เนื่องจากมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่นในประเทศกัมพูชา เพื่อที่จะขยายกิจการในรูปแบบเดียวกับประเทศเมียนมาร์ ที่ปัจจุบันบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าไอทีอยู่
ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะใกล้เคียงกับปี 58 ที่อยู่ระดับ 4.9% หลังจะเพิ่มปริมาณการขายในสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้นด้วย
"กำไรสุทธิปีนี้มีแนวโน้มจะทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเติบโตตามรายได้ที่เราตั้งเป้าหมายว่าจะเติบโตได้ราว 8% โดยเป็นการเติบโตทั้งในตลาดในประเทศ และต่างประเทศ ที่ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างหาพันธมิตรท้องถิ่นในประเทศกัมพูชา เพื่อขยายกิจการในรูปแบบเดียวกับประเทศเมียนมาร์ ซึ่งจะเป็นการขยายตัวของตลาดอินโดไชน่าอย่างต่อเนื่อง"นางสาวสุธิดา กล่าว
นางสาวสุธิดา กล่าวว่า สำหรับแผนการลงทนปีนี้บริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ราว 60 ล้านบาท เพื่อใช้ก่อสร้างสำนักงานและขยายคลังสินค้าเพิ่มเติมเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต นอกจากนี้บริษัทยังเปิดโอกาสที่จะเข้าร่วมทุน และเข้าซื้อกิจการ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าร่วมทุนไม่ต่ำกว่า 50% กับบริษัทที่ประกอบกิจการเกี่ยวกับออนไลน์ โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนอย่างน้อย 1 ดีลในช่วงครึ่งแรกปีนี้
"เราเปิดโอกาสให้ตัวเองเสมอ ในการมีพันธมิตรใหม่ๆทั้งในและต่างประเทศเข้ามา แต่เราจะมองหาบริษัทที่สามารถมาเสริมให้ SYNEX เข้มแข็งขึ้น และขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง"นางสาวสุธิดา กล่าว