ทั้งนี้ บริษัทจะมีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 ม.ค.59 เพื่ออนุมัติการลงทุนโครงการนี้ ซึ่งทำให้ UWC จะมีกำลังการผลิตติดตั้งของโรงไฟฟ้าในกลุ่มรวมกว่า 48 เมกะวัตต์ โดยนับรวมโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เฟส 2 ที่เพิ่งได้รับการตอบรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มล่าสุด
นายพีรทัศน์ กล่าวต่อว่า การเข้าลงทุนทั้ง 2 โครงการมีมูลค่าการลงทุนรวม 923 ล้านบาท โดย UWC จะเข้าถือหุ้น 99.99% คาดว่าจะสร้างรายได้จากการขายไฟได้ประมาณ 340 ล้านบาทต่อปี และมีประมาณการกำไรก่อนหักดอกเบี้ย และภาษี หรือ EBIT กว่า 60 ล้านบาทต่อปี โดย ADVANCE มีแผนจะขายไฟเข้าระบบในไตรมาส 2 และ SATUK ในไตรมาส 3 ของปีนี้ รวมถึงโรงไฟฟ้าทั้ง 2 โรงยังมีช่วงเวลาที่ได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% ไปจนถึงปี 2564 และ 2560 ตามลำดับ
การลงทุนในโครงการดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างรายได้จากธุรกิจพลังงานในปี 2559 ที่ UWC มีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการขายไฟฟ้าเป็น 60% ขณะที่สัดส่วนรายได้ในการผลิตเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงจะอยู่ที่ 40%
ในขณะที่การเข้าไปซื้อโรงไฟฟ้าชีวมวล และปรับปรุงโรงไฟฟ้า TRCCE ที่จังหวัดนครราชสีมา กำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ เมื่อปลายปี 2558 โดยได้เริ่มผลิต และขายไฟให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคตั้งแต่เดือน ธันวาคม 2558 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะมีรายได้จากการขายไฟกว่าปีละ 200 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯได้ดำเนินการปรับปรุงระบบการผลิตไฟฟ้าที่ใช้แกลบเป็นเชื้อเพลิงหลักที่มีต้นทุนสูง ให้เหลือการใช้แกลบเพียง 10% เท่านั้น เพื่อลดต้นทุนและปรับปรุงระบบให้สามารถใช้เชื้อเพลิงแบบผสมผสานที่มีต้นทุนต่ำลง รวมถึงการบริหารโรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ ทำให้การเข้าไปลงทุนในโรงไฟฟ้านี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง