"รายได้ปีนี้ที่คาดว่าจะโต 14% จากปีก่อน หลักๆ มาจากรายได้จากค่าโฆษณา งานโครงการภาครัฐที่มากขึ้น และงานประชาสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับรัฐ ส่วนของกำไรสุทธิยังไม่สูงมาก เพราะเป็นปีแห่งการลงทุนคอนเท้นท์สูง..แต่ถ้ายืนเรตติ้งได้ รายได้ก็จะเพิ่มขึ้น ซึ่งก็จะไปเห็นผลกำไรฟื้นตัวชัดเจนในปี 60-61 แต่จะให้กับไปเหมือนเดิมก่อนหน้า ต้องเป็นระยะยาวน่าจะเห็น เพราะก่อนหน้ามีแค่ 5 ช่อง แต่ปัจจุบันมีกว่า 20 ช่อง"นายศิวะพร กล่าว
บริษัทตั้งงบลงทุนรวมในปีนี้ราว 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจทีวีดิจิตอล โดยเฉพาะการผลิตคอนเทนท์ราว 700-800 ล้านบาท สูงกว่าเท่าตัวจากปี 58 ส่วนงบที่เหลือเป็นการจ่ายค่าการให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (VNO) และค่าใบอนุญาตทีวีดิจิตอล
"งบลงทุนธุรกิจคอนเทนท์ปีนี้ 700-800 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนเท่าตัว เน้นคอนเทนท์ด้านบันเทิง เกมโชว์ ข่าว สารคดี โดยตั้งเป้าคอนเทนท์ละคร เกมโชว์เพิ่มขึ้นปีละ 5% เพื่อสัดส่วนเป็นการผลิตคอนเทนท์เองเป็น 65% ในสิ้นปี 59 จากปัจจุบันอยูที่ 50% ทั้งนี้ จากที่ประชุมร่วมกับกับกระทรวงการคลังก็เห็นด้วยที่จะลงทนในคอนเทนท์เพิ่มขึ้น จากเมื่อก่อนที่ซื้อลิขสิทธิ์ แต่ถ้าเราผลิตเองก็เป็นของเรา ถึงแม้จะมีความเสี่ยงบ้าง"นายศิวะพร กล่าว
นายศิวะพร กล่าวว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับทีวีดิจิตอลในปีนี้ คือ อุตสาหกรรมโฆษณาคงเติบโตไม่มาก เพราะการใช้สื่อโฆษณาจะกระจายออกไป มีการช่วงชิงเม็ดเงินโฆษณาในกลุ่มผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลด้วยกันมากขึ้น แต่ประเด็นหลักอยู่ที่นโยบายสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)
"การไกล่เกลี่ย(กับผู้ต้องการคืนใบอนุญาต)คาดว่าจะจบเดือน ก.พ.ก็จะรู้ว่ามีช่องไหนจะไม่ไปต่อถ้าออกไปค่าใบอนุญาตงวดต่อไปไม่จ่าย อีกกลุ่มคือ ถ้าไหวก็ไปต่อได้ กรอบเดือน ก.พ.ก็จะเห็นชัดเจนขึ้น ถ้าผู้เล่นน้อยลง งบการตลาดก็จะไหลกลับไปที่เดิม"นายศิวะพร กล่าว
ในส่วนของ MCOT ที่ได้มา 2 ช่องวาไรตี้เอชดีและช่องเด็ก ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอนโยบายของ กสทช.โดยอาจตัดช่องเด็กออกไป เหลือช่องวาไรตี้ช่องเดียวหาก กสทช.อนุญาตและมีเงื่อนไขพิเศษในเรื่องราคาว่าหากคืใบอนุญาตแล้วไม่ต้องจ่ายเงินส่วนที่เหลือ หรือสามารถคืนใบอนุญาตโดยไม่ผิดเงื่อนไข
"2 คำที่ทีวีดิตอลจะรอดได้ คือ คอนเทนท์กับสายป่าน ซึ่งถ้าคอนเทนท์แข็งก็ไปรอด ส่วนผู้ที่ออกจากวงการก็ยอม cut loss ไป"นายศิวะพร กล่าว
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มไตรมาส 1/59 รายได้จากการดำเนินงานธุรกิจทีวียังไม่ค่อยดีนัก โดยคาดว่ารายได้โฆษณาทางโทรทัศน์น่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงเดือน มี.ค.โดยในปีนี้ถือว่าเป็นโอกาสของช่อง 9 เมื่อภาครัฐต้องการโฆษณาประชาสัมพันธ์นโยบายและโครงการต่าง ๆ ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้หลักของบริษัทมาจากธุรกิจโทรทัศน์ 55% เนื่องจากช่อง 9 เป็นช่องทางเลือกที่ชัดเจน ซึ่งในเดือน ก.พ.นี้จะมีรายการใหม่เพิ่มเรื่อยๆ เช่น เกมโชว์ ไอดีลักกี้นัมเบอร์ เป็นต้น
"ปีนี้เราก็หวังจะได้งบภาครัฐมาช่วยให้รายได้ดีขึ้น ประกอบกับปีนี้เราจะวิ่งหาลูกค้า direct รายได้ก็จะเพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนไม่มี ขณะที่การลงทุนที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสื่อ (Non-Broadcast) ทั้งจัดอีเวนท์ โชว์บิซ ก็น่าจะมีมากขึ้น"นายศิวะพร กล่าว
นายศิวะพร กล่าวว่า สำหรับที่ดินข้างศูนย์วัฒนธรรมพื้นที่ประมาณ 50 ไร่นั้น บริษัทอยู่ระหว่างว่าจ้างที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์เข้ามาศึกษา คาดว่าจะสามารถสรุปแนวทางการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวภายในเดือน มี.ค. ซึ่งขณะนี้มีผู้แสดงความสนใจเป็นจำนวนมาก
"อะไรที่เป็นข้อเสนอที่จะให้ผลตอบแทนต่อองค์กรดีที่สุดก็จะเลือกแนวทางนั้น ที่แปลงนี้ต้องแบ่งเป็นโซนเพราะพื้นที่ที่ติดศูนย์วัฒนธรรม การก่อสร้างจะไม่สูงเกิน 9 เมตร ถัดออกมา 23 เมตรได้ อีกโซนถ้ารถไฟฟ้าสายสีส้มมา จะขยายให้สูงขึ้นก็ได้ จึงยังบอกไม่ได้ว่าราคาประเมินเฉลี่ยอยู่ที่เท่าไร เดือนมี.ค.จะเห็นชัดทั้งการตลาด ตัวเลขทางการเงิน กรอบชัดเจนอยู่ที่ผลวิเคราะห์จะออกมา"นายศิวะพร กล่าว
ส่วนคลื่น 2600MHz ที่ MCOT ถือครองนั้นอาจต้องส่งคืนให้กับทางรัฐ แต่ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกสทช.คาดว่าจะได้ข้อสรุปไตรมาส 1/59