พร้อมคาดหวังปีนี้จะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้เพิ่มจากปัจจุบันอยู่ที่ 51% รวมทั้งคาดว่าสัดส่วนยอดขายจาก"มาม่า"ในปีนี้จะเพิ่มสัดส่วนจากปีก่อนที่มีสัดส่วน 33% ของยอดขายรวมของ SPC ที่มี 2.8 หมื่นล้านบาทในปี 58
ในปีนี้"มาม่า"จะออกแคมเปญต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นการบริโภค ด้วยการออกรสชาติใหม่ จากที่มีอยู่แล้ว 24 รสชาติ หลังจากปีก่อนไม่ได้ออก และคาดว่าจะมีลูกค้าใหม่เพิ่มมากขึ้นจากการขยายตลาด CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์และเวียดนาม) ภายหลังจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) และการโปรโมทการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน นิยมซื้อ"มาม่า"เป็นของฝาก
นายเวทิต ยอมรับว่าในปี 58 ที่ผ่านมา"มาม่า"มียอดขายเติบโตเพียง 0.4% ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 44 ปี เช่นเดียวกับตลาดรวมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เติบโตราว 0.4% ด้วยมูลค่าตลาดรวม 14,576 ล้านบาท ขณะที่ผลิตภัณฑ์มาม่าคัพมีอัตราการเติบโตถึง 3.2% ซึ่งเติบโตกว่าตลาดโดยรวมบะหมี่สำเร็จรูปแบบถ้วยที่ 1.8%
ทั้งนี้ ยอดขายมีอัตราการเติบโตลดลงต่อเนื่องจากปี 57 ที่มียอดขายเติบโตต่ำเพียงกว่า 1% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากลุ่มลูกค้าฐานราก อาทิ เกษตรกร ไม่มีกำลังซื้อ เพราะราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เช่น ข้าว ยางพารา เป็นต้น โดยเดือนก.พ.58 มียอดขายต่ำสุด แต่เดือนเม.ย.และ พ.ย.จะโตกว่าเดือนอื่น เพราะเป็นช่วงท่องเที่ยว นอกจากนี้ ในพ.ค.58 ยอดขายเติบโตถึง 7% เป็นผลจากการออกแคมเปญเย็นตาโฟต้มยำหม้อไฟที่มีนางเอกดัง"อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ"มาเป็นพรีเซ็นเตอร์
ดังนั้น บริษัทจะยังคงดำเนินกิจกรรมทางการตลาด ออกแคมเปญเพื่อกระตุ้นการขายต่อเนื่องซึ่งในปีที่แล้วได้ผลตอบรับค่อนข้างดี ซึ่งเชื่อว่า ทุกแบรนด์ก็มีการออกแคมเปญต่อเนื่องเช่นกัน
"ปี 59 มาม่า ตั้งเป้าแบบคิดบวกและท้าทายตัวเอง โต 5% ขณะที่ตลาดรวมมองว่าโต 2% เพราะคิดว่าไม่มีอะไรที่ลงไปเรื่อยๆ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นสินค้าพื้นฐาน เศรษฐกิจแย่มา 2 ปีแล้ว รัฐบาลได้ทีมเศรษกิจน่าจะมีมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจ และในปี 59 AEC เปิดเต็มที่ ไทยตั้งอยู่เป็นศูนย์กลาง AEC และ CLMV เราก็น่าจะได้ลูกค้ากลุ่มนี้บ้าง" นายเวทิต กล่าว
อย่างไรก็ตาม "มาม่า"ยังไม่มีแผนปรับขึ้นราคา แม้ว่าแบบซองคงราคาที่ 6 บาทมานานแล้ว นายเวทิต อธิบายว่า การไม่ปรับขึ้นราคาทำให้เกิดรายใหม่ยาก โดยเฉพาะผู้ผลิตจากต่างประเทศ และช่วยรักษาส่วนแบ่งตลาดของ"มาม่า" แม้ว่าจะทำให้กำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)ลดลง ในปีนี้คาดว่าทุกรายจะแข่งขันรุนแรงต่อเนื่อง มีทั้งลดแลกแจกแถม แม้ว่าตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในประเทศจะถึงจุดอิ่มตัวก็ตาม
"เราต้องการรักษา market share และคาดหวังจะเพิ่ม market share ด้วยจากการเติบโต 5% ในปีนี้ "มาม่า"ต้องการรักษาความเป็นเบอร์หนึ่ง และเป็นที่หนึ่งในใจผู้บริโภค"นายเวทิต กล่าว
ปัจจุบัน "มาม่า"มียอดขายผ่านร้านโชวห่วย 50% และร้านโมเดิร์นเทรด 50% จากเดิมมีสัดส่วน 60:40 โดยรสชาติยอดนิยม อันดับหนึ่ง คือ รสต้มยำกุ้ง รองลงมาเป็น รสหมูสับ, ต้มยำกุ้งน้ำข้น และ เย็นตาโฟต้มยำหม้อไฟ โดย 3 รสชาติแรกคิดเป็นยอดขายสัดส่วน 60% ขณะที่ ยอดขาย"มาม่า"แบบซองมีสัดส่วน 76% ส่วน"มาม่า"คัพมียอดขายสัดส่วน 24%