บลจ.กสิกรไทย มีความพร้อมทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ 1) การมีผลิตภัณฑ์กองทุนที่หลากหลายตอบโจทย์การลงทุนได้ครอบคลุมทุกช่วงชีวิตการลงทุน 2) การมีผลิตภัณฑ์กองทุนที่มีคุณภาพ และ 3) การมีบริการและเครื่องมือต่างๆที่จะช่วยอำนวยความสะดวกทำให้การลงทุนเป็นเรื่องที่ง่ายดาย สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา บริษัทจึงพร้อมที่จะคอยให้ข้อมูลและวางแผนจัดสรรสัดส่วนการลงทุนเป็น Portfolio ที่เหมาะสมให้กับผู้ลงทุนไปตลอดชีวิตทางการเงิน
บริษัทได้ตั้งเป้าจำนวนลูกค้าที่จะเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นในปี 59 ประมาณ 27,000 ราย นอกจากนี้บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างการเติบโตของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการเช่นเดิม โดยข้อมูล ณ วัน 31 ธันวาคม 58 บลจ.กสิกรไทยมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) อยู่ที่ 1.136 ล้านล้านบาท เติบโตขึ้น 4% เมื่อเทียบจาก ณ สิ้นปี 57
นายวศินกล่าวว่า บลจ.กสิกรไทยยังได้มองเห็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงสำคัญ 3 เรื่องด้วยกัน ประเด็นแรกคือ การที่เศรษฐกิจโลกได้เชื่อมโยงเข้าหากันมากขึ้น (Economic Interconnectedness) ทำให้การลงทุนเปิดกว้างมากขึ้น บริษัทจึงต้องขยายการลงทุนให้ครอบคลุมทั่วโลก ซึ่งแผนในปีนี้นอกจากกองทุนต่างประเทศ (FIF) บริษัทยังเตรียมออกกองทุน K-AEC ที่จะเน้นลงทุนโดยตรงในหุ้นกลุ่มประเทศอาเซียน โดยคาดว่าจะเปิดเสนอขายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ และยังมีแผนออกกองทุนพันธบัตรอาเซียนในช่วงครึ่งปีหลังด้วย
ประเด็นที่สองคือ แนวโน้มประชากรที่มีการเปลี่ยนแปลงสถานะไป (Demographic Shifts) ทำให้บลจ.กสิกรไทยต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละกลุ่มประชากร เช่น กองทุน K-GA ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องกระจายการลงทุนไปในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก กองทุน K-STAR ที่มีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเพื่อทำกำไรเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนถึงระดับที่กำหนด จึงเหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาติดตามสถานการณ์ด้วยตนเอง และกองทุน K-GINCOME ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างกระแสรายได้อย่างสม่ำเสมอ เป็นต้น
ประเด็นสุดท้ายคือ เทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้า (Technology Advancement) ทำให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการการลงทุนได้สะดวกขึ้น ซึ่งบลจ.กสิกรไทยมีการพัฒนาระบบการให้บริการต่างๆ เพื่อมารองรับการทำธุรกรรมการลงทุนผ่านระบบดิจิตอลให้มีความทันสมัย สะดวกรวดเร็วและง่ายต่อการลงทุนอยู่ตลอดเวลา โดยในครึ่งแรกของปีนี้มีแผนที่จะเปิดให้บริการใหม่ คือ โปรแกรมการสร้างพอร์ตลงทุนจำลอง (Portfolio Simulation Program) ที่จะเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนได้ทดลองสร้างพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับตนเอง และการพัฒนาคุณสมบัติการใช้งานใหม่ๆ บนระบบการลงทุนผ่านแอพพลิเคชั่น K-Mobile Banking PLUS
ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 58 ว่า บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์กองทุนรวมที่มีความหลากหลาย ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทมีความพร้อมและถือว่าประสบความสำเร็จในฐานะการเป็นผู้นำในการออกผลิตภัณฑ์กองทุนรวมใหม่ๆ มาเติมเต็มความต้องการของผู้ลงทุนอยู่ตลอดเวลา ทำให้ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมการลงทุนไปทั่วโลก (Global Investment) และยังมีการกระจายการลงทุนที่หลากหลายทั้งในแง่ของประเภทสินทรัพย์ กลุ่มอุตสาหกรรมและภูมิภาคที่ไปลงทุน รวมถึงมีความพร้อมในการขยายขอบเขตการลงทุนเจาะลึกลงไปสู่ระดับภูมิภาค (Regional Player)
ด้านผลการดำเนินงานของแต่ละกองทุนในปี 58 บริษัทยังรักษามาตรฐานและบริหารผลการดำเนินงานของกองทุนในภาพรวมได้เป็นที่น่าพอใจ โดยมีจำนวน 12 กองทุนที่มีผลการดำเนินงานอยู่ในลำดับ Top Quartile จากการจัดอันดับของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) แบ่งเป็นกองทุนในกลุ่มตลาดเงิน 7 กองทุน กองทุนหุ้นและกองทุนผสม 5 กองทุน ส่วนในกลุ่มกองทุนต่างประเทศ 6 กองทุน ยังมีผลดำเนินงานเป็นที่น่าจับตามองจากการจัดอันดับของ Morningstar พร้อมทั้งยังรับรองความสำเร็จด้วยรางวัลมากมายที่บริษัทได้รับเพิ่มเติมในปี 58 จากสถาบันชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการพัฒนาระบบบริการใหม่ๆควบคู่ไปด้วย อาทิ การเปิดบริการ DIY Target Fund ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถวางแผนการลงทุนด้วยตนเอง และการเปิดให้ผู้ลงทุนสามารถชื้อ-ขายกองทุนรวมผ่านแอพพลิเคชั่น K-Mobile Banking PLUS เป็นต้น