"ในปี 58 ได้ผ่านจุดต่ำสุดตั้งแต่ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้เรามองว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวขึ้น จากความมั่นใจภาคเอกชนที่ค่อยๆปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเราจะเห็นเศรษฐกิจครึ่งปีหลังดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก เราจึงเชื่อว่าผลประกอบการจะมีการขยายตัวได้ต่อ แต่อย่างไรก็ตามแม้เศรษฐกิจจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว NPL ก็ยังจะขยายตัวอีก 12-18 เดือน ถึงจะถึงจุดสูงสุด โดยคาดว่าจะขยายตัวไปจนถึงปลายปี 59 ทำให้เราคาดว่า NPL ของเราคงจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่จะไม่เกิน 3% ซึ่งปีนี้เราอาจจะมีการตั้งสำรองใกล้เคียงกับปีก่อน แต่ต้องติดตามสถานการณ์ NPL ก่อน ซึ่งเรามีเป้าหมายที่จะรักษาการตั้งสำรองต่อ NPL ให้อยู่ในระดับสูงที่ 140-150% "นายบุญทักษ์ กล่าว
นายบุญทักษ์ กล่าวว่า ธนาคารยังได้ตั้งเป้ายอดเงินฝากปีนี้จะเติบโต 8-10% จากปีก่อนที่มีเงินฝากรวมที่ 644,694 ล้านบาท โดยธนาคารได้ให้ความสำคัญในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สร้างประโยชน์อย่างแท้จริงต่อลูกค้า และมุ่งเน้นความเป็นเลิศทางธุรกรรมทางการเงิน (Transactional Banking)
สำหรับรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยคาดว่าจะเติบโต 25-30% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมจากผลิตภัณฑ์กองทุนรวม เนื่องจากมีความหลากหลายของกองทุนรวมซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ธนาคารยังเชื่อว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายผลิตภัณฑ์แบงก์แอสชัวรันส์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้ธนาคารพัฒนาผลิตภัณฑ์แบงก์แอสชัวรันส์ให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายมากขึ้น
ส่วนแนวโน้มฐานเงินฝากธุรกรรมทางการเงินจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะธนาคารได้มีการให้สิทธิประโยชน์ต่างๆเพื่อจูงใจลูกค้า ส่งผลให้ธนาคารสามารถบริหารต้นทุนทางการเงินได้ดี ธนาคารจึงคาดว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) มีแนวโน้มสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3-3.3% จากปีก่อนอยู่ที่ 3%