"ปีนี้เราจะเน้นการขยายตลาดในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน ที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และราคาถ่านหินที่มองว่าปีนี้จะอยู่ในระดับทรงตัว หรือปรับตัวลดลง จากปัจจุบันราคาถ่านหินอยู่ที่ 50 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากโอเวอร์ซัพพลาย ตามราคาน้ำมัน ซึ่งนอกจากจะเน้นการขายในประเทศแล้ว เรายังคงเน้นลดต้นทุนต่อเนื่อง ในทุกๆด้าน เพื่อรักษาความสามารถการทำกำไรสุทธิปีนี้ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงปีก่อน และรายได้เติบโต 10-15%"นายพนม กล่าว
AGE ยังไม่ได้แจ้งผลการดำเนินงานในปี 58 แต่ในช่วง 9 เดือนแรกปี 58 มีกำไรสุทธิ 107.44 ล้านบาท และมีรายได้รวม 3.65 พันล้านบาท ขณะที่งวดปี 57 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 35.95 ล้านบาท
นายพนม กล่าวว่า บริษัทเตรียมเสนอคณะกรรมการบริษัทในเดือนก.พ.นี้ เพื่อพิจารณาจ่ายปันผลงวดปี 58 หลังพลิกมีกำไรแล้ว โดยจะกลับไปจ่ายปันผลเป็นเงินสดเหมือนปกติ จากก่อนหน้านี้ที่จ่ายเป็นหุ้น เพราะต้องสำรองเงินไว้ลงทุน
สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้ บริษัทเตรียมสร้างโรงคัดแยกถ่านหิน (ระบบปิด) เพิ่ม โดยคาดจะใช้งบลงทุนราว 45-50 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนขยายตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเน้นเจาะกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ขณะที่ตลาดต่างประเทศ บริษัทจะขยายฐานลูกค้าในเวียดนามมากขึ้น จากปีก่อนมีสัดส่วนยอดขายในเวียดนามราว 5% ของยอดขายรวม เนื่องจากเวียดนามเริ่มมีการใช้ถ่านหินเพิ่มขึ้น โดยจะเน้นกลุ่มลูกค้าโรงไฟฟ้า และอุตสาหกรรมทุกขนาด
พร้อมกันนี้บริษัทยังสนใจที่จะลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน ซึ่งยังอยู่ระหว่างการศึกษา โดยนโยบายการลงทุนจะเป็นไปได้ทุกรูปแบบ ทั้งการเข้าซื้อกิจการ ,การร่วมลงทุนกับพันธมิตร และดำเนินการก่อสร้างเอง ขณะที่บริษัทมีความพร้อมด้านเงินลงทุน โดยปัจจุบันมีเงินสดอยู่ 1,000-1,500 ล้านบาท เพื่อที่จะไปลงทุนในธุรกิจที่เกิดประโยชน์ได้