ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 59 ที่ระดับ 1,800 ล้านบาท เติบโต 20% จากราว 1,500 ล้านบาทในปีก่อน โดยมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจเทรดดิ้ง 50% และธุรกิจการผลิต ที่แบ่งเป็น ธุรกิจพลังงานทดแทน คาดจะอยู่ประมาณ 30% ส่วนที่เหลือจะเป็นธุรกิจจำหน่ายเคมีภัณฑ์ (UAPC)
"ปีนี้เราตั้งเป้าการเติบโตไว้ 20% จากปีก่อน โดยเราจะรับรู้รายได้เต็มที่ของโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ และการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เต็ม 100% ของโครงการผลิตผลิตปิโตรเลียม จ.สุโขทัย รวมถึงการร่วมทุนกับบางจากในโครงการไบโอดีเซล (BBF) ที่เราถือหุ้นอยู่ 30% จะมีกำลังการผลิตเกินเท่าตัว อีกทั้งเรายังมีแผนการขยายการลงทุนและขยายธุรกิจเทรดดิ้งไปยังต่างประเทศอีกด้วย ซึ่งมองว่าจะส่งผลดีต่อภาพรวม"นายกิตติ กล่าว
นายกิตติ กล่าวว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทวางงบลงทุนรวมไว้ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น จำนวน 100 ล้านบาท ใช้ลงทุนในโครงการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ในจ.สุโขทัย โดยทำการต่อท่อส่งก๊าซฯจากบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) มายังจ.สุโขทัย ทำให้โรงงานสามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้เต็มกำลัง คาดก๊าซฯจะเข้ามาเต็มที่ได้ในช่วงไตรมาส 2/59 ขณะเดียวกันก็อยู่ระหว่างขั้นตอนการซื้อกิจการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ขนาด 7 เมกะวัตต์ ซึ่งน่าจะแล้วเสร็จได้ในไตรมาส 1/59 โดยวางเงินลงทุนราว 200 ล้านบาท ซึ่งโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทประมาณ 90 ล้านบาท/ปี และมีอัตรากำไรสุทธิสูงกว่า 30-40%
นอกจากนี้อีกประมาณ 700 ล้านบาท บริษัทมีความสนใจลงทุนในด้านโรงไฟฟ้าจากพลังงานขยะ ที่ภาคเหนือ ขนาด 2-3 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันก็รอทางภาครัฐประกาศหลักเกณฑ์ออกมา ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทก็ได้ศึกษาการลงทุนดังกล่าวค่อนข้างมาก และมีความพร้อมที่จะเข้าลงทุน โดยจะดำเนินการผ่านบริษัท พีพีดับบลิวอี จำกัด (PPWE) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับบมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC)
สำหรับธุรกิจเทรดดิ้ง บริษัทมีแผนที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)โดยมองไปยังประเทศเมียนมาร์ กัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งประเทศแรกที่จะขยายไปคือเมียนมาร์ ที่มีการขยายตัวค่อนข้างมาก และบริษัทยังมีพันธมิตรในประเทศดังกล่าวอีกด้วย ขณะที่บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ เป็นระดับ 20-30% ในปี 61 จากปัจจุบันยังคงไม่ถึง 10%
ส่วนการร่วมลงทุนระหว่างบริษัทกับ QTC เพื่อดำเนินธุรกิจพลังงานนั้น การลงทุนจะมีทั้งการเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าในประเทศ และการไปลงทุนเองในต่างประเทศ ซึ่งการลงทุนในต่างประเทศ ก็มีความสนใจในเมียนมาร์ และสนใจในธุรกิจประเภทพลังงานไบโอแมส ขนาดไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ โดยคาดหวังจะมีรายได้ต่อปีประมาณ 300 ล้านบาท
ส่วนแหล่งที่มาของเงินลงทุนจะมาจากการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ(วอร์แรนต์) ที่คาดจะได้รับเงิน 300 ล้านบาท ในช่วงสิ้นเดือนม.ค.59 และมีแผนที่จะออกหุ้นกู้ในปีนี้จำนวน 500 ล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนดังกล่าว รวมถึงกำไรสะสมที่มีอยู่จำนวน 200-300 ล้านบาท