ทั้งนี้ นายสนธิญาณ เรียกร้องให้ ป.ป.ช.ไต่สวนนายระพี สุจริตกุล เลขาธิการ ก.ล.ต. นายชาลี จันทนยิ่งยง รองเลขาธิการ ก.ล.ต. และพนักงานเจ้าหน้าที่ สำนักงาน ก.ล.ต. ผู้ทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนกรณีการร้องเรียน บริษัท NMG หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้กระทำการอันมีมูลความผิดงานอาญาหรือไม่ และหากพบว่ามีมูลความผิดงานอาญา ก็ขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง และดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่
เนื่องจากมีผู้ถือหุ้นอีกหลายรายที่ถูกขัดขวางไม่ให้เข้าร่วมประชุม และได้ร้องเรียนต่อ เลขาธิการ ก.ล.ต. ให้ดำเนินการตามกฎหมาย แต่เลขาธิการ ก.ล.ต.กลับแถลงข่าวว่าการประชุมผู้ถือหุ้นเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ดังนั้น ก.ล.ต. คงยุ่งไม่ได้ ขณะที่ รองเลขาธิการ ก.ล.ต.ระบุว่าก.ล.ต. จะร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และ ตลท. ตรวจสอบการกระทำดังกล่าวว่าผิดกฏหมายหรือกฏเกณฑ์หรือไม่ แต่เบื้องต้นเห็นว่าการกระทำดังกล่าวไม่เหมาะสม
แต่นายสนธิญาณเห็นว่าตามข้อกฎหมายที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 รวมที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้บัญญัติไว้ว่า ก.ล.ต. มีอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 19 คือกำกับดูแลให้มีการปฏิบัติ และดำเนินการบังคับใช้กฏหมายกับบุคคลที่กระทำความผิดตามกฎหมายฉบับนี้ ดังนั้น การกระทำของผู้บริหาร ก.ล.ต.จึงไม่เหมาะสมนั้นและมีเจตนาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ส่วนการที่ ก.ล.ต.กล่าวโทษ นายณิทธิมน หัสดินทร ณ อยุธยา ในฐานะประธานกรรมการบริษัท และประธานในที่ประชุมผู้ถือหุ้น NMG ประจำปี 2558 ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคดีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.)แต่เพียงผู้เดียวนั้น เหตุอันควรสงสัยว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจสืบสวนสอบสวน มีเจตนาละเว้นที่จะไม่ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงใดๆ เพื่อพิสูจน์ความผิดของคณกรรมการบริหารคนอื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการประชุมดังกล่าว