จากเดิมที่บริษัทฯ มีสถานีก๊าซธรรมชาติ NGV ทั้งหมด 7 แห่ง แบ่งเป็น ที่บริษัทฯ ดำเนินการเอง 4 แห่ง และเป็นความร่วมมือกับ บมจ.ซัสโก้ (SUSCO) อีก 3 แห่ง โดยประเมินว่าธุรกิจสถานีก๊าซธรรมชาติ NGV ทั้ง 10 แห่ง จะทำยอดขายเฉลี่ยต่อวันสูงกว่า 450,000 กิโลกรัมต่อวัน หรือคิดเป็นรายได้ที่มาจากธุรกิจสถานีก๊าซธรรมชาติ NGV ปีละ 2,000 ล้านบาท
เนื่องจากนโยบายของภาครัฐที่ประกาศลอยตัวราคาก๊าซธรรมชาติ NGV แบบมีเงื่อนไข โดยขอให้ ปตท.ประกันราคาไม่ให้เกิน 13.50 บาทต่อกิโลกรัม ก่อนราคาจะลอยตัวตามต้นทุนที่แท้จริงในเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งเชื่อว่าด้วยนโยบายดังกล่าวจะส่งผลดีต่อบริษัทฯ เนื่องจากการปล่อยตัวราคา NGV ให้อิงกับน้ำมันในตลาดนั้น จะทำให้ราคาก๊าซ NGV ในระยะยาวจะถูกกว่าราคาน้ำมันดีเซลประมาณ 50% ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้ผู้ใช้ก๊าซ NGV มีความมั่นใจและส่งผลต่อปริมาณการใช้ก๊าซ NGV เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
นายฤทธี กล่าวว่า การปลดล็อคด้านราคา NGV ครั้งนี้ ยังเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนรายอื่นๆ หรือ ปตท.สามารถขยายสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้ามีความสะดวกในการใช้บริการได้ดียิ่งขึ้น บริษัทฯ จึงมองว่าเป็นโอกาสที่ดีของ SCN ในการรุกขยายธุรกิจค้าปลีกก๊าซธรรมชาติ NGV ในกลุ่มธุรกิจสถานีบริการก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ NGV เพื่อผลักดันรายได้จากการจำหน่ายก๊าซ NGV ได้มากขึ้น
"นโยบายภาครัฐที่ปลดล็อคเรื่องขยายสถานีก๊าซและลอยตัวราคาก๊าซธรรมชาติ NGV จะส่งผลบวกเป็นอย่างมากต่อธุรกิจของ SCN ในปีนี้ที่จะสามารถผลักดันรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติได้สูงขึ้น โดยเฉพาะรายได้ที่มาจากธุรกิจสถานีก๊าซธรรมชาติที่จะเติบโตได้อย่างโดดเด่น และส่งผลให้ SCN ก้าวเป็นผู้ประกอบการที่มียอดขายก๊าซ NGV เป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจาก ปตท.ที่เป็นผู้นำตลาดอยู่ในขณะนี้"ดร.ฤทธี กล่าว