ทั้งนี้ ให้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้ คาดว่างวดนี้คงยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จึงส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า แต่ต้องรอดู Comment ที่จะชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในช่วงต่อไป ซึ่งหากยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็อาจทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ฟื้นตัวขึ้นได้ ส่วนหนึ่งอาจมาจาการทำ Short Covering
ส่วนราคาน้ำมันฟื้นตัวหลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (Opec) และกลุ่ม Non-Opec จะมีการประชุมในประเด็นการลดกำลังการผลิต แต่ทางเราคาดว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย ดังนั้นมองว่าราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นเป็นแค่การรีบาวด์เท่านั้น
สำหรับปัจจัยในประเทศ ต้องติดตามการประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/58 และทั้งปี 58 ของ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ที่จะออกมาในวันนี้ ขณะที่แนะนำนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนหุ้นที่ให้ปันผลสูงได้ในช่วงนี้
พร้อมให้แนวรับ 1,250 จุด ส่วแนวต้าน 1,280 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 ม.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,167.23 จุด พุ่งขึ้น 282.01 จุด (+1.78%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,567.67 จุด เพิ่มขึ้น 49.18 จุด (+1.09%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,903.63 จุด เพิ่มขึ้น 26.55 จุด (+1.41%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 33.53 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 351.06 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 6.29 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 32.46 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.64 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 34.99 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 16.38 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 240.29 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 ม.ค.59) 1,268.07 จุด เพิ่มขึ้น 0.37 จุด (+0.03%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 339.71 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 ม.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 ม.ค.59) ปิดที่ 31.45 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.11 ดอลลาร์ หรือ 3.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 ม.ค.59) ที่ 9.74 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเช้านี้ 35.80/81 แข็งค่าต่อเนื่องรอผล FOMC คืนนี้ มองกรอบ 35.75-35.90
- ส่งออก ธ.ค.ติดลบ 8.73% หนักสุดในรอบ 4 ปี 1 เดือน ทำยอดรวมทั้งปีลด 5.78% มากสุดในรอบ 6 ปี เหตุเศรษฐกิจโลกชะลอตัว น้ำมันดิ่ง เกษตรราคาวูบ ยันปี 59 ต้องพยายามทำให้ได้ตามเป้า 5% แต่น่าห่วง หลัง IMF ปรับลดเศรษฐกิจโลกเหลือ 3.4% น้ำมันยังผันผวน
- ศึก 4จี เข้ม เอไอเอส หั่นแพ็กเกจเหลือ 299 บาท 1.5 กิ๊ก เกทับดีแทคกับทรูเริ่ม 399 บาท หลังผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือมือถือแข่งประมูลคลื่น 1800 และ 900 MHz มาให้บริการ 4จี ด้วยเม็ดเงินรวมเป็นประวัติศาสตร์กว่า 2 แสนล้านบาท หลายฝ่ายจึงติดตามว่าแล้วการแข่งขันจะรุนแรงขนาดไหน โดยเฉพาะผู้นำตลาดเอไอเอส ที่เปิดตัว 4จี ช้ากว่าบริษัทอื่น
- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ โดยอนุมัติงบประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท ผ่านกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง 79,556 กองทุนทั่วประเทศ หมู่บ้านละไม่เกิน 5 แสนบาท
- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมมีมติรับทราบการซื้อยางพาราในราคานำตลาดของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีการซื้อในวันแรก 70 กว่าตัน แต่เนื่องจากรัฐบาลต้องการส่งเสริมให้มีการใช้ยางพาราในประเทศเพิ่มขึ้น ที่ประชุม ครม.จึงอนุมัติโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อให้ผู้ประกอบการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง 1.5 หมื่นล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรฯ เสนอเพื่อให้มีการใช้ยางในประเทศเพิ่มขึ้น
- แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้ให้นโยบายกระทรวงไปหารือให้ธนาคารออมสินปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไป ปล่อยกู้ให้กับผู้มีรายได้น้อยซื้อที่อยู่อาศัยราคาถูก ซึ่งจะเปิดตัวโครงการประมาณเดือน มี.ค.นี้
- ธปท.เผยสถาบันการเงินมียอดเอ็นพีแอลเพิ่ม 6 หมื่นล้านบาทในช่วง 1 ปี พบธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เพิ่ม กรุงไทยสูงสุด ตามด้วยแบงก์ลูกของต่างชาติ ด้านธนชาต ทิสโก้ และไอซีบีซี (ไทย) ลด
*หุ้นเด่นวันนี้
- PTTGC (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 66 บาท ราคาหุ้นซื้อขายต่ำเกินไป(คิดเป็น forward P/E ปีนี้เพียง 8.8 เท่า, dividend yield 5.1%) ขณะที่กำไรยังมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง คาดกำไรสุทธิใน 4Q58 ฟื้นตัวเด่น แม้บันทึกผลขาดทุนจากลงทุน Myriant ราว $60 ล้าน (2,172 ล้านบาท) หลัง COD ไม่ได้ตามกำลังการผลิต ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นมีผลขาดทุน stock loss กว่า 2 พันล้านบาทตามราคาน้ำมันดิบลดลง แต่การทำกำไรธุรกิจโรงกลั่นถือว่าฟื้นตัวค่อนข้างดี ค่าการกลั่นสูงขึ้นค่อนข้างมาก QoQ ตามการฟื้นตัวของส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตา ธุรกิจปิโตรเคมียังทำกำไรได้ในระดับสูง
- MALEE (เออีซี) "ซื้อลงทุน"เป้า 38.25 บาท ช่วง 4Q58 คาดกำไรสุทธิโต 54.1%YoY จากค่าใช้จ่ายการตลาดที่ลดลง ส่วนทั้งปี 58 คาดกำไรสุทธิโต 11.4%YoY และมีแนวโน้มโตต่อเนื่องในช่วง 2 ปีข้างหน้า (ปี 59-60) อีกเฉลี่ยปีละ 9.0% ด้วยแรงหนุนจากกระแสรักสุขภาพของผู้บริโภค การรุกตลาดฟิลิปปินส์ และการเก็บเกี่ยวผลกำไรจากการเพิ่มสินค้าใหม่ตั้งแต่ปีที่แล้ว อีกทั้งปัจจุบันมี Upside 23.4% และคาดให้ Div. Yield เฉลี่ยปีละ 4.5%
- TU (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 22.50 บาท แนวโน้มกำไร 4Q15 จะแผ่วแรง -50.7% Q-Q เป็นจุดต่ำสุดของปีจากค่าใช้จ่ายดีล Bumble Bee และตั้งด้อยค่ากองเรือ ส่วนผลดำเนินงานหลักก็อ่อนตัว Q-Q ตามฤดูกาล ปรับกำไรปกติปี 2015 ลง 8% เป็นทรงตัว และคาดกำไรปกติปีนี้ฟื้น +21.6% Y-Y จากธุรกิจทูน่าและกุ้งกลับมาฟื้นตัว และเริ่มรับรู้ Rugen Fish ตั้งแต่ ก.พ. เป็นต้นไป พร้อมคาดปันผลงวด 2H15 หุ้นละ 0.25 บาท (yield 1.4%)
- PLANB (ฟันันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 7.10 บาท แนวโน้มกำไร 4Q15 ทรงตัว Q-Q (ค่าใช้จ่ายขายและบริหารเพิ่มขึ้น) แต่โต 34.8% Y-Y ทำให้กำไรทั้งปีโต 104% Y-Y และคาดปีนี้โตต่อ 36% Y-Y ปัจจัยหนุนหลักๆคือรายได้จาก Hello Bangkok ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว ขณะที่รายได้จากสื่อโฆษณานอกบ้านยังโตในอัตราสูงปีละกว่า 30% รวมถึงค่อยๆเก็บเกี่ยวประโยชน์จากการไปลงทุนสื่อโฆษณาในมาเลเซียในช่วง 1-2 ปีนี้ ราคาหุ้นปรับลงมาจนทำให้ upside กว้างขึ้น