"ผลการดำเนินงานในปีนี้ทั้งรายได้รวมและกำไรสุทธิคาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของ บิลท์แลนด์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ PREB ที่คาดว่ารายได้จะเติบโตกว่า 600% หรือมาอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 240 ล้านบาท"นายชัยรัตน์ กล่าว
ในปีนี้ บิลท์แลนด์ มีกำหนดรับรู้รายได้ของโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ คือ โครงการ THE Tempo Grand วุฒากาศ ตั้งแต่เดือน มี.ค.นอกจากนี้ยังมีโครงการคอนโดมิเนียม THE Tempo 1 รามคำแหง ที่โอนต่อเนื่องจากไตรมาส 4/58 และในช่วงครึ่งหลังของปี 59 จะมีการโอนโครงการทาวน์เฮาส์และบ้านแฝด Rittmo บางกรวย-ไทรน้อย
ส่วนโครงการคอนโดมิเนียม Tempo Quart สะพานใหม่ นายชัยรัตน์ กล่าวว่า ทางบริษัทยังไม่มั่นใจว่าจะโอนทันปีนี้หรือไม่
"ปีนี้บิลท์แลนด์จะเป็นตัวที่หนุนผลการดำเนินงานในภาพรวมของพรีบิลท์ให้โตก้าวกระโดด เพราะมีโครงการโอนเยอะในปีนี้ โดยเฉพาะ Tempo Grand วุฒากาศที่จะเป็นพระเอกในปีนี้ แล้ว Tempo one ก็ยังโอนต่อเนื่อง ครึ่งหลังก็จะมีแนวราบโอนเข้ามาอีก"นายชัยรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปีนี้บริษัทยังได้รับผลบวกจากมาตการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ ทำให้ผลการดำเนินงานในภาพรวมของบริษัทเริ่มเห็นสัญญาณบวกตั้งแต่ไตรมาสแรก และไตรมาส 2/59 ถึงไตรมาส 4/59 ก็จะเติบโตอย่างอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเดือนเม.ย.ที่จะเป็นเดือนสุดท้ายของมาตรการ ซึ่งเป็นกำหนดที่ Tempo Grand จะเริ่มโอนมากในช่วงเดือนนั้น
สำหรับแผนงานของบมจ.บิลท์แลนด์ในปีนี้ วางแผนเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวม 2.6 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการเลสโต สุขุมวิท 113 มูลค่าโครงการ 1 พันล้านบาท โครงการทาวน์เฮาส์และบ้านแฝด Rittmo บางกรวย-ไทรน้อย มูลค่าโครงการ 1 พันล้านบาท และโครงการแนวราบอีก 1 โครงการ บนทำเลใกล้กับมหาวิทยาลัยศรีปทุม มูลค่าโครงการราว 600 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินราว 1 พันล้านบาทในทำเลศักยภาพ โดยยังเน้นในกรุงเทพฯเละปริมณฑลเป็นหลัก อีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินเพิ่มอีก 1 แปลงในนนทบุรี เพื่อนำมาพัฒนาเป็นโครงการแนวราบ หากการเจรจาสิ้นสุดและบริษัทซื้อที่ดินผืนดังกล่าวแล้วนั้น คาดว่าจะมีโครงการแนวราบเปิดเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากแผนงานอีก 1 โครงการ
นายชัยรัตน์ กล่าวถึงธุรกิจรับเหมาก่อสร้างภายใต้ PREB ว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 15-20% โดยจะมีการรับรู้รายได้จากงานเข้ามาราว 4 พันล้านบาท จากมูลค่างานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่ 7.5 พันล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังเข้าประมูลงานเพิ่มเติมอีก 4-5 โครงการ มูลค่ารวมราว 6 พันล้านบาท คาดหวังจะได้รับงานในสัดส่วน 50% ของมูลค่าทั้งหมดที่เข้าประมูล
นอกจากนี้ บริษัทยังมองว่าหากภาครัฐเร่งการลงทุนมากขึ้นในปีนี้ จะส่งผลให้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของบริษัทได้รับอานิสงส์ไปด้วย เนื่องจากมีปริมาณงานที่เพิ่มมากขึ้น และช่วยให้บริษัทมีรายได้ที่จะรับรู้ในอนาคตเพิ่มขึ้น โดยงานที่บริษัทเข้ารับส่วนใหญ่ยังเป็นงานภาคเอกชน 100%
ส่วนธุรกิจผลิตผนังสำเร็จรูปภายใต้ บมจ.พีซีเอ็ม คอนสตรัคชั่น แมททีเรียล (PCM) ในปีนี้คาดว่าจะยังทรงตัวจากปีก่อน
นายชัยรัตน์ ยัง่กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปี 58 ว่า รายได้รวมคาดว่าจะลดลงราว 10% จากปี 57 ที่มีรายได้รวม 6.23 พันล้านบาท เนื่องจากปีที่แล้วมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมของบมจ.บิลท์แลนด์ เพียง 1 โครงการ คือ โครงการ Tempo one รามคำแหง ซึ่งมีการรับรู้รายได้เข้ามาเพียง 240 ล้านบาท และธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมีการเลื่อนการส่งมอบงานบางโครงการ ทำให้การรับรู้รายได้เลื่อนมาอยู่ในปี 59 เป็นส่วนใหญ่
ด้านกำไรสุทธิก็คาดว่าจะลดลงเล็กน้อยจากปี 57 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 305.90 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามการลดลงของรายได้ ประกอบกับบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการโฆษณาและประชาสัมพันธ์โครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น ส่งผลกดดันกำไรในปีที่แล้วอีกด้วย