บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 22.60 บาท โดยมองว่าบริษัทเป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มเกษตรอาหารที่ยังมีพื้นฐานที่ดี แม้ว่าปัจจุบันจะถูกโจมตีจากข่าวต่างประเทศมาก แต่กำไรยังมีการเติบโตและยังมี upside จากการควบรวมกิจการ
ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิของ TU ในปีนี้จะเติบโตอยู่ที่ 5,994 ล้านบาท (+8.8% YoY) โดยรายการหลักมาจากค่าใช้จ่ายพิเศษในการเข้าซื้อกิจการบัมเบิ้ลบีที่หายไป (ค่าที่ปรึกษาทางการเงินและที่ปรึกษาทางกฎหมาย) การกลับมาเติบโตอีกครั้งของปริมาณขายทูน่าหลังถูกปรับฐานมาแล้วในปี 58 และค่าเงินบาทที่อ่อนตัว (สมมติฐานอยู่ที่ 36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ)
โดยช่วงปลายปีที่ผ่านมาหลังจากที่ได้ยกเลิกการเข้าซื้อกิจการบัมเบิ้ลบีฟู้ด TU ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการ Rugen Fisch ซึ่งเป็นผู้นำด้านอาหารทะเลกระป๋องของเยอรมนีโดยมีสินค้าเป็นปลาเฮร์ริ่ง แมคเคอเรลและแซลมอน ซึ่งมียอดขายราว 140 ล้านยูโรหรือ 5.5 พันล้านบาทต่อปี (คิดเป็น 4.4% ของยอดขาย TU) ซึ่งการเข้าซื้อดังกล่าวนอกจากจะช่วยเพิ่มรายได้และกำไรให้กับ TU แล้ว ยังจะช่วยสร้าง Synergy โดยการเพิ่มสินค้าทูน่าให้กับ Rugen Fisch ในการเข้าไปเจาะตลาดเยอรมนีได้อีกด้วย ซึ่งหากดีลสำเร็จก็จะเป็น upside ให้กับประมาณการ