ขณะที่บริษัทฯตั้งเป้ารายได้เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาโดยปัจจัยการเติบโตจะมาจากการขยายธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์ของ JWD ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเศรษฐกิจในประเทศที่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวและการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC อย่างเป็นทางการในปี 59 ซึ่งจะส่งผลดีต่อการลงทุนขยายฐานการผลิตในภูมิภาคนี้และช่วยสนับสนุนความต้องการใช้บริการด้านโลจิสติกส์เพิ่มขึ้น
ส่วนงบลงทุนปี 59 บริษัทฯตั้งไว้ราว 500-600 ล้านบาท ไม่รวมกับงบ M&A โดยแบ่งเป็น งบลงทุนในประเทศกัมพูชา 250 ล้านบาท ที่จะเปิดให้บริการในเดือน ก.ค. ประเทศเมียนมาร์ 100 ล้านบาท จะเปิดให้บริการในเดือน ก.พ. ใน สปป.ลาว 100 ล้านบาท ขยายพื้นที่เพิ่มเติมหลังจากที่เปิดให้บริการไปในวันที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา และส่วนที่เหลือใช้ลงทุนในประเทศ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุงพื้นที่รับฝากสินค้าเดิมที่อยู่ในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ให้เป็นศูนย์รวมการเก็บและกระจายสินค้าเข้าสู่ตู้คอนเทนเนอร์ มีพื้นที่ 9,000 ตารางเมตรและปรับปรุงพื้นที่เป็นศูนย์กระจายสินค้าอันตรายอีก 6,000 ตารางเมตร โดยจะเปิดให้บริการในช่วงปลายไตรมาส 2 นี้
สำหรับงบลงทุนที่จะใช้ในปีนี้ อยู่ระหว่างรอเลือกอย่างมีสม โดยมองทั้งการกู้จากสถาบันทางการเงิน และการออกหุ้นกู้ โดยปัจจุบันบริษัทฯมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) เพียง 0.9 เท่า โดยบริษัทฯมีนโยบายที่จะควบคุมให้ไม่เกิน 2 เท่า นอกจากนี้ยังมีการระดมทุนผ่านการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หรือ REIT ซึ่งบริษัทฯจะมีการใช้เครื่องมือทางการเงินอย่างเหมาะสม โดยคาดว่าจะสามารถสรุปได้ในไตรมาส 2 ปี
นอกจากนี้ บริษัทได้เปิดกว้างทุกรูปแบบการลงทุนโดยมีทั้งการเข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการเอง หรือการร่วมทุนกับพันธมิตรธุรกิจท้องถิ่นในแต่ละประเทศและการเข้าควบรวมกิจการ (M&A) โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจา M&A 2 ดีล ในประเทศมาเลเซีย ประกอบกิจการห้องเย็น และโลจิสติกส์ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปีนี้อย่างน้อย 1 ดีล มูลค่าการเข้าซื้อกิจการทั้ง 2 แห่งไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเจรจาเข้าร่วมลงทุนในประเทศเวียดนาม ราดว่าจะเห็นความชัดเจนในปีนี้ รวมไปถึงในประเทศไทยอยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนกับผู้ประกอบกิจการขนส่งสินค้าข้ามแดน คาดว่าจะสรุปในช่วงไตรมาส 1
“เรามีแผนขยายการลงทุนด้านโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียนนี้อย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนในอีกหลายประเทศ เช่น เมียนมาร์ สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ซึ่งเรามองว่าในภูมิภาคอาเซียนยังมีโอกาสขยายธุรกิจได้อีกมาก เพื่อผลักดันให้ JWD บรรลุเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำธุรกิจด้านโลจิสติกส์ภาคพื้นดินอย่างครบวงจรในอาเซียน พร้อมตั้งเป้าที่จะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 25% ในปี 63 จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ อยู่ที่ 8-10%"นายชวนินทร์ กล่าว