บลจ. ทิสโก้ มองว่า หากเปรียบเทียบในกลุ่มประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ อินเดียเป็นเป็นเพียงประเทศเดียวที่ GDP โตเกินกว่า 7% ต่อปี นอกจากนี้โครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนจากการบริโภคภายในทำให้ภาวะการค้าโลกที่ชะลอตัวส่งผลกระทบต่ออินเดียอย่างจำกัด นับเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นอินเดีย เสนอขายครั้งแรกแล้วจนถึงวันที่ 12 ก.พ. นี้
“หากเทียบกับประเทศที่มีขนาด GDP เกินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อินเดียนับเป็นประเทศเดียวที่ GDP จะขยายตัวเกินกว่า 7% จากนี้ไปจนถึงปี 2020 ขณะที่การบริโภคภายในประเทศเป็นภาคส่วนหลักของโครงสร้างเศรษฐกิจอินเดียยังทำให้ภาวะการค้าโลกที่ชะลอตัวจะกระทบกับอินเดียอย่างจำกัด อีกทั้งราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำตอนนี้ยังเอื้อต่อการบริโภคภายในประเทศอีกด้วย เนื่องจากอินเดียนำเข้าน้ำมันเป็นสัดส่วนถึง 35% ของการนำเข้าทั้งหมด ปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นอินเดีย โดยเฉพาะเมื่อบวกกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐและนโยบายที่เอื้อต่อภาคธุรกิจของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี เราเชื่อว่าดัชนี MSCI India จะเติบโตราว 15% และ Target MSCI India ในปีนี้จะอยู่ที่ราว 1150 จุดหรือเท่ากับมี upside ราว 25%" นายสาห์รัช กล่าว
ทั้งนี้ กองทุนเปิด ทิสโก้ อินเดีย อิควิตี้ (TISCO India Equity : TISCOIN) มีมูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 5,000 บาท โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียผ่านกองทุนหลักคือ iShare MSCI India ETF ซึ่งเป็นกองทุนอีทีเอฟในตลาดหลักทรัพย์ BATS ในสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี MSCI India Total Return ซึ่งสะท้อนผลการดำเนินของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินเดีย เนื่องจากกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศและไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนจึงอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้