"ราคาหุ้นอาร์เอสตั้งแต่ช่วงกลางปี 2558 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น ประกอบกับบริษัทฯ มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ทั้งด้านสภาพคล่องทางการเงินและมีกำไรสะสมสูงพอที่จะเข้าทำการซื้อหุ้นคืนแบบมีนัยยะ" นายดามพ์ กล่าว
สำหรับการซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้จะใช้วงเงินประมาณ 470 ล้านบาท เพื่อซื้อหุ้นคืนผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นจำนวน 50.70 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 5.02% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว โดยมีกำหนดเวลาซื้อคืน 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ จนถึงวันที่ 24 สิงหาคม 2559 ซึ่งราคาเป้าหมายสูงสุดที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ให้ไว้ในตลาดอยู่ที่ 17.20 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาหุ้นอาร์เอสในปัจจุบันถึง 91% (เปรียบเทียบจากราคาปิด ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559) ทั้งนี้คาดการณ์ว่า ภายหลังโครงการซื้อหุ้นคืน จะส่งผลให้กำไรต่อหุ้น (Earnings per share) และ ROE (Return on Equity) ของบริษัทเพิ่มขึ้น
"เรามองว่าหุ้นอาร์เอสมีราคาถูกเกินไปเมื่อเทียบกับพื้นฐานของบริษัท และเรามั่นใจในอนาคตของบริษัทที่มีแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ตอบโจทย์ความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมสื่อของเมืองไทย ดังนั้น การซื้อหุ้นบริษัทคืนก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีและความเสี่ยงมีจำกัด นี่จึงเป็นที่มาของการที่บริษัทตัดสินใจที่จะซื้อหุ้นของตัวเองคืนจากตลาดหุ้น ผมเชื่อว่าจะเป็นสัญญาณที่ดีในการสร้างความเชื่อมั่นกับผู้ถือหุ้น ในยามที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวมากนัก ถึงความมั่นใจในแผนงานและอนาคตของบริษัท อีกทั้งเป็นการตอกย้ำว่าปัจจุบันอาร์เอสมีงบการเงินที่แข็งแรง และมีสภาพคล่องเพียงพอ จึงทำให้เราตัดสินใจดำเนินการซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้"นายดามพ์กล่าว