ทั้งนี้ นอกจากนี้บริษัทมีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ 17 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังเน้นเปิดโครงการแนวราบ เป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ 12 โครงการ มูลค่ารวม 1.68 หมื่นล้านบาท และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่ารวม 7.2 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่ในครึ่งปีแรก 4 โครการ และครึ่งปีหลังอีก 13 โครงการ
"ปีนี้โครงการของบริษัทยังได้รับผลดีโดยตรงจากการเปิดรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งมีโครการที่อยู่บนแนวรถไฟฟ้าถึง 14 โครงการ นอกจากนี้เราได้มีความร่วมมือกับพันธม้ตรทางธุรกิจใหม่ ได้แก่ การเปิด Too Fast to Sleep ร้านกาแฟคอนเซปท์ใหม่สำหรับนักศึกษาและหนุ่มสาวย่านศาลายา ที่โครงการไอคอนโด ศาลายา เดอะแคมปัส เพื่อตอบรับกับความต้องการในเชิงไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า"นายชายนิด กล่าว
ส่วนรายได้รวมปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 67% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1.19 หมื่นล้านบาท โดยรายได้ในปีนี้จะมาจากรายได้จากการขายโครการแนวราบ 9 พันล้านบาท รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม 7.5 พันลินบาท ซึ่งในจำนวนนี้เป็นยอดขายรอโอน (Backlog) 4.77 พันล้านบาท โดยเป็นแนวราบ 1 พันล้านบาท และคอนโดมิเนียม 3.77 พันล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังจะมีรายได้จากการขายที่ดิน 1 พันล้านบาท และรายได้จากธุรกิจโรงแรมอีก 2.5 พันล้านบาท ทำให้รายได้ของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมาย
"ในปีนี้บริษัทมีแผน Turnaround ผลการดำเนินงานให้มีการเติบโตต่อเนื่อง และมีแผนพัฒนาธุรกิจโรงแรมอย่างชัดเจน อีกทั้งเรายังมีนโยบายในการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงิน เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนมาเพื่อปรับเรตติ้งของบริษัทให้ดีขึ้น มีแผนจัดตั้ง REIT ในส่วนของกิจการ Hospitalities และบริหารจัดการอัตราส่วนระหว่างแหล่งเงินทุนระยขสั้นและระยะยาวเพื่อปรับอัตราส่วนเอกเบี้ยจ่าย รวมทั้งควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารให้มีประสิทธิภาพ"นายชายนิด กล่าว
สำหรับแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศปีนี้มองว่ามีปัจจัยบวกมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยคาดการณ์ว่าครึ่งปีแรกสินค้าระดับล่างและระดับกลางจะเติบโตจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของภาครัฐ ส่วนในครึ่งปีหลังซึ่งการลงทุนภาครัฐมีความชัดเจนขึ้น ทำให้มีโอกาสช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวขึ้นได้