นายธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์ กรรมการบริหาร บมจ.ดิบบลิวซีไอ โฮลดิ้ง กล่าวว่า บริษัทคาดจะสามารถยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ได้ราวกลางปี 59 และสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) ได้ภายในปี 59 คาดเม็ดเงินจากการระดมทุนราว 1,000 กว่าล้านบาท เพื่อชำระหนี้ราว 998 ล้านบาท และขยายสาขาต่างประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทถือหุ้นในวุฒิศักดิ์ คลีนิค อินเตอร์ กรุ๊ปทั้ง 100% ขณะที่วุฒิศักดิ์ มีบริษัทลูกอีก 2 แห่งที่ถือหุ้นั้ง 100% คือ ธุรกิจคอสเมติก และฟาร์มาซี โดยในปี 59 วุฒิศักดิ์ ตั้งเป้ายอดขายเดิมเติบโต 10% จากที่มี 120 สาขาในประเทศ ซึ่งปีนี้จะยังไม่เปิดสาขาเพิ่ม แต่จะเน้นการเติบโตของยอดขาย ส่วนต่างประเทศปัจจุบันเป็นรูปแบบแฟรนไชส์ 12 แห่ง ในปีนี้จะปรับเปลี่ยนรูบแบบเป็นการร่วมทุนทั้งหมด
"ถ้าเป็น joint venture เราอยากถือมากกว่า 50% ก็จะเป็นรายได้เข้าวุฒิศักดิ์ฯ ตามสัดส่วนถือหุ้น ปีนี้มีแผนเพิ่ม joint venture อีก 8 สาขา รวมกับที่เปลี่ยนรูปแบบเดิมเป็น joint venture รวมเป็น 20 สาขาในต่างประเทศในสิ้นปีนี้ เน้นกลุ่ม CLMV โดยงบลงทุน 8 สาขาในต่างประเทศรวมราว 150 ล้านบาท"
นายธีรวุทธิ์ กล่าวว่า จุดเด่นของ ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง คือเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในธุรกิจคลีนิคเสริมความงามที่ใหญ่สุดในไทย และเป็นแห่งแรกที่ได้มาตรฐาน JCI ซึ่ง ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง ขณะนี้มีหนี้เหลืออยู่ 998 ล้านบาท หากระดม่ทุนจาก IPO ก็จะสามารถคืนหนี้ทั้งหมด ขณะที่สาขาวุฒิศักดิ์เดิมยอดรายได้เติบโต 10% ต่อสาขา
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของวุฒิศักดิ์ฯ มาจากคลินิกกว่า 90% คอสเมติก 3% แต่ 3 ปีข้างหน้าตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากคอสเมติกเป็น 10-20% เนื่องจากมีอัตรากำไรสุทธิสูงถึง 20% ขณะที่อัตรากำไรจากคลินิกอยู่ที่ 10-20% บวก/ลบ โดยปัจจุบันคอสเมติกภายใต้แบรนด์วุฒิศักดิ์วางจำหน่ายในร้านวัตสันแล้ว
ในงวด 9 เดือนแรกของปี 58 วุฒิศักดิ์ฯ มีกำไรสุทธิกว่า 100 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมตลาดความงามในปี 59 น่าจะเติบโตดีกว่าปี 58 โดยคาดธุรกิจความงามเติบโต 5-7% แต่คอสเมติกเติบโต 20%