ทั้งนี้ ในปี 2558 ดีแทคมีรายได้รวมและกำไรสุทธิที่ 8.78 หมื่นล้านบาท และ 5.9 พันล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้จากการบริการข้อมูลสูงกว่ารายได้จากการให้บริการเสียงเป็นครั้งแรกในปี 2558 เนื่องมาจากพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป แม้ว่าความต้องการบริการข้อมูลจะมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่รายได้จากจุดนี้ได้ถูกหักล้างด้วยการลดลงของรายได้จากการให้บริการเสียง มีผลทำให้รายได้รวมจากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) ลดลง 3.0% เทียบกับผลการดำเนินการปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามในการที่จะเป็นผู้นำในการให้บริการ 4G ดีแทคได้เพิ่มการลงทุนในโครงข่ายเป็นจำนวน 2.02 หมื่นล้านบาทในปี 2558 ซึ่งสามารถให้บริการ 4G บนโครงข่ายแบนด์วิธที่ 20MHz ซึ่งเป็นแบนด์วิธที่กว้างที่สุดในตลาดผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่ให้บริการทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑลและอีกกว่า 40 จังหวัดทั่วประเทศไทย นอกเหนือจากนี้ดีแทคยังได้วางแผนที่จะพัฒนาโครงข่ายในปี 2559 ด้วยค่าใช้จ่ายในการลงทุน (CAPEX) ที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาเพื่อขยายพื้นที่การครอบคลุมสัญญาณ 4G ไปยังทุกจังหวัดในประเทศ และขยายการครอบคลุมสัญญาณ 3G ให้ได้ 95% ของจำนวนประชากร
ในปี 2558 ดีแทคได้เพิ่มค่าใช้จ่ายด้านโครงข่ายรวมถึงการขยายโครงข่าย ค่าใช้จ่ายในการขายและการตลาด ค่าใช้จ่ายในการบริหาร และค่าใช้จ่ายด้านการอุดหนุนราคาเครื่องโทรศัพท์เพื่อรองรับกับระดับการแข่งขันอันรุนแรง นอกเหนือจากนี้ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของต้นทุนการให้บริการมีค่าสูงขึ้นเนื่องจากการลงทุนที่มากขึ้นในการพัฒนาโครงข่ายดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายได้ถูกหักล้างบางส่วนจากการลดลงของต้นทุนจากส่วนแบ่งรายได้ ส่งผลที่ตามมาคือกำไรสุทธิที่ลดลง 45% เทียบกับปีที่ผ่านมา
สำหรับไตรมาส 4/58 ดีแทคมีรายได้รวมอยู่ที่ 2.32 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 998 ล้านบาท จากผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/58 ดีแทคประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.52 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 124% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี
นายลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ ดีแทค กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทมุ่งไปที่การกลับมาเติบโตของรายได้ และการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด โดยวางแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในโครงข่าย 4G ทั้งบนคลื่นความถี่ 1800 MHz และ 2100 MHz เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทางด้านการใช้บริการข้อมูลบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่สูงมาก และลงทุนในโครงข่าย 3G ให้ครอบคลุม 95% ของจำนวนประชากร พร้อมทั้งนำเสนอโปรโมชั่นและราคาโทรศัพท์มือถือที่คุ้มค่าด้วย
"เรายังวางแผนที่จะเปิดตัวแบรนด์แพลทฟอร์มเพื่อที่จะฟื้นฟูภาพลักษณ์ของแบรนด์ และปรับปรุงตำแหน่งทางการตลาด โดยแบรนด์แพลทฟอร์มใหม่นี้จะเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการ และการเข้าถึงตลาดก่อนในการเตรียมการรับมือกับผู้เล่นรายใหม่ในตลาด"นายนอร์ลิ่ง่ กล่าว