ทั้งนี้ TPBI ได้ยื่นขอเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท เงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปเพิ่มกำลังการผลิต เป็นเงินทุนหมุนเวียนกิจการและใช้เป็นเงินทุนสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต
นายสมศักดิ์ บริสุทธนะกุล กรรมการผู้จัดการ TPBI กล่าวว่า บริษัทประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์พลาสติก โดยมีบริการครอบคลุมตั้งแต่ การออกแบบผลิตภัณฑ์และพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์, การผลิตและจัดหาผลิตภัณฑ์ และการทดสอบวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ บริษัทยังมีการร่วมลงทุนกับพันธมิตรทั้งจากไทยและต่างประเทศเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่การดำเนินธุรกิจ
ปัจจุบัน บริษัทเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกครบวงจรรายใหญ่ในไทย มีกำลังการผลิตทั้งสิ้น 64,920 ตันต่อปี จากฐานการผลิต 2 แห่ง ที่อ.สามพราน จ.นครปฐม ซึ่งเป็นโรงงานผลิตถุงพลาสติกหูหิ้ว ถุงขยะและฟิล์ม กำลังผลิตอยู่ที่ 12,840 ตัน และโรงงาน จ.ระยอง เน้นรับงานผลิตสินค้าจำนวนมาก เพื่อส่งให้กับลูกค้ารายใหญ่ เช่น อเมริกา กลุ่มประเทศอียู ญี่ปุ่น ออสเตรเลียและไทย โดยมีกำลังการผลิต 52,080 ตันต่อปี
นายกมล บริสุทธนะกุล กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน TPBI เปิดเผยว่า จำนวนหุ้น IPO ที่เสนอขายคิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท โดยภายหลังเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนที่ออกและเรียกชำแล้วจำนวน 400 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท
ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการขาย IPO ไปใช้ในการขยายธุรกิจเป็นหลัก คือ การขยายกำลังการผลิตใน 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ทั้ง general packaging กับ Value-added ได้แก่ ถุงพลาสติกหูหิ้วที่โมเดิร์นเทรด และซูปเปอร์มาร์เก็ต ใช้บรรจุสินค้าให้ผู้บริโภค ,ถุงขยะที่ผู้บริโภคซื้อจากโมเดิร์นเทรด และซูปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อใช้ในครัวเรือน ,ฟิล์มประเภท Muitilayer Blown Film ที่ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ,บรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น อาหารสำเร็จรูป และอาหารแช่แข็ง ,บรรจุภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น เม็ดพลาสติก Compound ด้วยกระดาษเคลือบพลาสติกและถ้วยกระดาษเคลือบพลาสติกชีวภาพ โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตทั้งสิ้น 64,920 ตันต่อปี รวมถึงจะใช้ในส่วนของการก่อสร้างโรงงานสำหรับบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน และที่เหลือจะใช้ในเรื่องของการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ซึ่งวางงบลงทุนขยายกำลังการผลิตและก่อสร้างโรงงานไว้ราว 200-300 ล้านบาท
นอกจากนี้ มองการเติบโตในอนาคตและปีนี้ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หรือเติบโตดีกว่าปีก่อน จาก 9 เดือนของปี 58 มีรายได้อยู่ที่ 3,460.02 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 274.18 ล้านบาท ขณะที่การเติบโตย้อนหลัง 5 ปี บริษัทมีการเติบโตของรายได้เป็นตัวเลขสองหลัก ทั้งยอดขายและกำไร จะเห็นได้จาก รายได้เติบโตเฉลี่ย 13% และอัตรากำไรขั้นต้น 25.5% อัตรากำไรสุทธิ 39.5% โดยการเติบโตจะเป็นไปตามความต้องการของการบริโภคของประชาชน
ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศราว 65% และที่เหลือเป็นในประเทศ ซึ่งมีการส่งออกไปยังประเทศหลักๆ ได้แก่ ยุโรป ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และออสเตรเลีย เป็นต้น โดยขณะนี้ก็อยู่ระหว่างศึกษาขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน มีความสนใจในเมียนมาร์ กัมพูชา เวียดนาม ส่วนลาว ได้มีการส่งออกไปบ้างแล้ว แต่ยังมีสัดส่วนรายได้ที่น้อยอยู่ ซึ่งมองสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในอนาคตจะอยู่ราว 60-70%
นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ หัวหน้าสายงานวาณิชธนกิจ บล.ทิสโก้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่าย กล่าวว่า หลังจากที่ บมจ.ทีพีบีไอ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (แบบไฟลิ่ง) และยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญ IPO ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต.ได้อนุมัติแบบคำขอเสนอขายหุ้น IPO ของ TPBI เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถเสนอขายหุ้นดังกล่าวได้ในช่วงกลางเดือนมี.ค.59 และเข้าเทรดใน SET ในช่วงปลายเดือนมี.ค.นี้
สำหรับบมจ.ทีพีบีไอ ถือว่าเป็นผู้นำอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ส่งออกเป็นอันดับที่ 4 ของโลก รองจากจีน เยอรมนี และสหรัฐฯ สะท้อนถึงศักยภาพในการแข่งขันที่สูง และสินค้าเป็นที่ยอมรับ ขณะที่ยังมีการกระจายความเสี่ยงไปลงทุนในเรื่องของ ไบโอพลาสติก ซึ่งรัฐบาลไทยก็ได้ให้การสนับสนุนอย่างมากแก่บริษัทเอกชนไทย ประกอบกับการบริหารมีธรรมาภิบาลที่ดี ที่เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในยุคสมัยนี้
"หลังจาก ก.ล.ต.อนุมัติแบบคำขอและแบบไฟลิ่งเรียบร้อยแล้ว เราได้คาดการณ์ระยะเวลาการเสนอขายหุ้น IPO ไว้ว่าน่าจะอยู่ประมาณไตรมาส 1/59 หรือจะสามารถเสนอขาย IPO ได้ในช่วงกลางเดือนมี.ค.นี้ และเข้าเทรดในช่วงปลายเดือน ซึ่งเชื่อว่าด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ยาวนานกว่า 30 ปี ทำให้บมจ.ทีพีบีไอ เป็นผู้ประกอบการบรรจุภัณฑ์ครบวงจรระดับโลก ที่ได้รับความไว้วางใจจากลุกค้าช้นนำทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยสามารถตอบโจทย์ความต้องการสินค้าและบริการให้แก่ลุกค้าได้อย่างครบวงจร จึงมั่นใจว่าหุ้น IPO ที่จะเสนอขายในครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน"นายธนะชัย กล่าว