นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาแผนเข้าลงทุนโครงการโซล่าร์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่นเพิ่มเติม หากมีโครงการที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีและคุ้มค่ากับการลงทุน บริษัทก็สนใจที่จะเข้าลงทุนเช่นกัน ส่วนการร่วมลงทุนกับบมจ.ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ (FPI) เพื่อดำเนินธุรกิจพลังงานไฟฟ้าชีวมวล หากรัฐบาลเปิดให้มีการประมูลรับคัดเลือกและอนุญาตเป็นผู้เสนอขายไฟฟ้า เพื่อให้ได้มาซึ่งสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ บริษัทก็พร้อมที่จะร่วมประมูล
ขณะที่โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar PV Rooftop) ซึ่งมีแผนจะดำเนินการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ GUNKUL โดย ECF ถือหุ้นในสัดส่วน 74.99% และ GUNKUL 25.01% นั้น อยู่ระหว่างรอความชัดเจนจากภาครัฐบาลถึงเงื่อนไขหลักเกณฑ์การเปิดให้เข้าร่วมประมูลสัญญาซื้อขายไฟ
นายอารักษ์ กล่าวถึงธุรกิจผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา ว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตอย่างน้อย 10-12% หรือมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 1,500ล้านบาท มุ่งเน้นการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ เบื้องต้นวางแผนขยายตลาดในประเทศโดยขยายสาขาภายใต้แบรนด์ ELEGA จำนวน 7 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 16 สาขา และวางแผนเปิดสาขา ร้าน FINNA HOUSE จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ภายใต้ลิขสิทธิ์ DISNEY เพิ่มขึ้น 3 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 3 สาขา ขณะเดียวกันบริษัทยังมีโอกาสสร้างการเติบโตของยอดขาย จากออร์เดอร์ที่มากขึ้นและการแผนขยายสาขาของลูกค้ากลุ่มโมเดิร์นเทรด อาทิ บิ๊กซี โลตัส โฮมโปร เมกาโฮม และดูโฮม
สำหรับตลาดต่างประเทศถือว่ามีสัญญาณการเติบโตที่ดี โดยญี่ปุ่นเป็นลูกค้าหลักของบริษัทซึ่งปัจจุบันบริษัทยังคงได้รับออเดอร์จากลูกค้าญี่ปุ่นอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกันนี้บริษัทจะขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ พร้อมการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างยอดการขายเฟอร์นิเจอร์ให้เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้บริษัทมีสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าต่างประเทศ 57% ภายในประเทศ 43% โดยกลุ่มลูกค้าหลักยังคงเป็นญี่ปุ่นคิดเป็นสัดส่วนกว่า 48% ของรายได้จากการส่งออก
ส่วนธุรกิจร้านค้าปลีกรูปแบบร้าน 100 เยน (60 บาท) “Can Do" จากประเทศญี่ปุ่น ขณะนี้ได้เปิดสาขาไปแล้วจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ และ เดอะ พาซิโอ พาร์ค กาญจนาภิเษก ซึ่งในปีนี้บริษัทมีแผนจะขยายสาขาเพิ่มอีก 10 สาขา เน้นการเปิดในห้างสรรพสินค้าชั้นนำเขตกรุงเทพ ปริมณฑล และหัวเมืองขนาดใหญ่ เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายของร้านได้อย่างหลากหลาย โดยตั้งเป้าหมายรายได้จาก Can Do ในปี 59 ไว้ที่สัดส่วนประมาณ 10% ของรายได้จากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์