"ปีนี้กำไรจะดีกว่าปีที่แล้ว จะโต double ก็เกือบ double กว่าปีที่แล้ว คาดว่าอยู่ระดับพันล้านบาท และดีกว่ากำไรในปี 56 (กำไรสุทธิ 1,042 ล้านบาท)เพราะปัจจุบันการเมืองนิ่ง การท่องเที่ยวดี อัตราแลกเปลี่ยนก็นิ่ง...การแข่งขันปีนี้เบาบางลงแล้ว ราคาน่าจะปรับขึ้นให้เหมาะสมประมาณ 3-5%ส่วนใหญ่จะเป็นเส้นทางต่างประเทศ "นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ดด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AAV กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ในปีนี้บริษัทจะเปิดจุดบินใหม่ 5-6 เมือง เน้นกลุ่มประเทศ CLMV โดยในวันที่ 9 ก.พ.นี้จะแถลงเปิดจุดบินใหม่ที่หลวงพระบาง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่สายการบินไทยแอร์เอเชียได้บินเข้าไปในลาวหลังรอคอยมานาน นอกจากนี้ จะมีจุดบินเพิ่มเข้าที่จีน และอินเดีย โดยในอินเดียจะเริ่มบินเพิ่มในช่วงครึ่งปีแรกและไตรมาส 4/59 จากที่มีจุดบินอยู่แล้วที่เมืองบังกะลอร์และเชนไน
ทั้งนี้ รายได้จากเส้นทางในประเทศ มีสัดส่วน 60% และ รายได้จากเส้นทางต่างประเทศ มีสัดส่วน 40% ซึ่งครึ่งหนึ่งมาจากจุดบินในจีน
"ฝั่งเมืองจีนเราค่อนข้างอิ่มตัวแล้ว เราจะขยายเข้าไปในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา เวียดนาม เมียนมาร์ และลาว) AEC และอินเดียเป็นหลัก"นายธรรศพลฐ์ กล่าว
นายธรรศพลฐ์ กล่าวว่า ในปีนี้เชื่อว่าการแข่งขันธุรกิจการบินจะลดลงหลังจากปีก่อนแข่งขันกันสูงมาก ซึ่งสายการบินไทยแอร์เอเชียยังครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่งในกลุ่มสายการบินโลว์คอสต์ โดยสำหรับตลาดในประเทศ ไททยแอร์เอเชียมีสัดส่วนการตลาดที่ 28% ขณะที่สายการบินนกแอร์มีสัดส่วน 26%
ปัจจัยสนับสนุนของธุรกิจการบินในปีนี้ ได้แก่ การท่องเที่ยวไทยยังดีต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ปัจจัยการเมืองนิ่ง และอัตราแลกเปลี่ยนไม่ได้สวิงมาก ประกอบกับการขยายตัวของกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ทำให้การเดินทางในกลุ่มประเทศอาเซียนมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV
"หลายคนคงบาดเจ็บมากแล้วในปีที่แล้ว จะสู้อะไรนักหนา ก็ต้องมีสู้บ้างผ่อนบ้าง คงไม่ได้สู้กันตลอดทุกปี แต่ใครจะไปใครจะมาเราไม่เป็นห่วง เราสบาย ใครสู้กับเราก็เตรียมตัวเลือดสาดละกัน เพราะคนอื่นเจ๊งหมด แต่เรามีกำไร อย่างนั้นก็ไม่ต้องมาแข่งกับเรา ต่างคนต่างอยู่ เอาราคาขึ้นดีกว่า"ประธานเจ้าหน้าที่ AAV กล่าว
ส่วนราคาน้ำมันปรับตัวลงช่วยทำให้ราคาตั๋วโดยสารลดลง และคาดว่าราคาน้ำมันอากาศยานทรงตัวในปีนี้ โดยปัจจุบันราคาอยู่ที่ 40-41 เหรียญ/บาร์เรล ทั้งนี้ AAV ได้ทำประกันความเสี่ยงโดยซื้อราคาน้ำมันล่วงหน้าไว้สัดส่วน 50%ของปริมาณน้ำมันที่ใช้ โดยราคาน้ำมันที่ทำสูงกว่าราคาสปอตเล็กน้อย เมื่อรวมกับราคาสปอตที่ซื้อได้ 50% ทำให้ราคาน้ำมันที่ซื้อโดยรวมไม่ได้สูง
นายธรรศพลฐ์ กล่าวว่า บริษัทจะปรับแผนฝูงบินจากเดิมสายการบินไทยแอร์เอเชีย เพราะเล็งเห็นการเติบโตของเส้นทางในกลุ่ม CLMV รวมทั้งจีนและอินเดีย และตลาดในประเทศ ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ดังนั้นจึงเพิ่มจำนวนฝูงบินจากแผนเดิมจะมีจำนวน 60 ลำในปี 61 เพิ่มมาเป็น 70 ลำ ในปี 63 โดยจะรับมอบเครื่องบินปีละ 5 ลำ ส่วนใหญ่เป็นเครื่องบินแบบเช่า และซื้อเครื่องบินในสัดส่วน 1 ใน 4
ทั้งนี้ การเติบโตของ AAV ปีละ 15% ในช่วงปี 59-63 คาดว่ารายได้ในปี 63 ขึ้นมาแตะที่ 5 หมื่นล้านบาท
"เราเพิ่มเครื่องบินเป็น 70 ลำ เพราะเราเห็นว่าตลาดในประเทศยังไม่อิ่มตัว เรายังไปได้อีก และตลาด AEC ก็ยังขยายตัวได้ load factor ก็ยังดีอยู่ ราคาก็ยังดี ทำกำไรไดั้ดีอยู่ เพราะเห็นทุกอย่างนิ่ง ก็ยังเติบโตได้ ยังทำกำไรได้"นายธรรศพลฐ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่ไทยถูกขึ้นธงแดงขององค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) นายธรรศพลฐ์ กล่าวว่า การที่ยังไม่สามารถปลดธงแดง ทำให้ตอกย้ำความไม่มั่นใจสายการบินกับนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี สายการบินไทยแอร์เอเชียไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะส่วนใหญ่ผู้โดยสารจากจีนยังเติบโตได้ต่อเนื่อง และมีเส้นทางเอเชีย จีน อินเดีย ไม่ได้รีบผลกระทบ ขณะที่สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงในเส้นทางต่างประเทศ อาทิ เกาหลีใต่ ญี่ปุ่น รวมทั้งกระทบการขยายเส้นทางบินใหม่
ปัจจุบัน สายการบินไทยแอร์เอเชีย มีฐานปฏิบัติการบิน 5 แห่งได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ กระบี่ และพัทยา (อู่ตะเภา) ทีเที่ยวบินระหว่างประเทศของไทยแอร์เชีย บินสู่ 21 ปลายทาง เส้นทางบิน 33 เส้นทาง จำนวนเที่ยวบิน มากกว่า 50 เที่ยวบินต่อวัน ส่วนที่ยวบินภายในประเทศของไทยแอร์เอเชีย บินสู่ 20 ปลายทาง เส้นทางบิน 27 เส้นทาง จำนวนเที่ยวบิน มากกว่า 89 เที่ยวบินต่อวัน