นอกจากนี้ จากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐเกี่ยวกับการลดค่าโอนและค่าจดจำนองมีกำหนดเวลาสิ้นสุดสิ้นเดือน เม.ย.นี้ ส่งผลให้คอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จพร้อมขาย ซึ่งเป็นสต็อกของบริษัทจะมีการเร่งทยอยโอนกันมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ยอดรับรู้รายได้ในไตรมาสแรกของปีนี้ค่อนข้างมีความโดดเด่น
"ตอนนี้ที่มาตรการภาครัฐยังไม่สิ้นสุด เราก็จะเน้นการระบายสต็อกออกมา เพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัท โดยมีการทำโปรโมชั่นและให้ส่วนลดพิเศษในบางโครงการและบางยูนิต ส่วนโครงการใหม่ตอนนี้เรายังไม่เร่งขายมากเกินไป"นายศิริพงศ์ กล่าว
สำหรับยอดขายพรีเซลในไตรมาส 1/59 บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 1.5 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 100% จากช่วงเดียวของปีก่อนเช่นกัน ซึ่งการเติบโตในครึ่งปีแรกส่วนหนึ่งมาจากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐช่วยสนับสนุน อีกทั้งบริษัทได้เข้าร่วมงานใหญ่ 3 งาน ได้แก่ งานบิ๊กโปรเจ็คต์ "ORIGIN Stunning Price" ที่สยามพารากอน ระหว่างวันที่ 5-8 ก.พ.โดยนำโครงการคอนโดมิเนียม 19 โครงการ 280 ยูนิตมาเสนอโปรโมชั่นพิเศษให้กับลูกค้า คาดว่าจะทำยอดขายภายในงานนี้ราว 200 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังนำโครงการไปร่วมออกบูธและทำโปรโมชั่นพิเศษในอีก 2 งาน ช่วงเดือน ก.พ.และเดือน มี.ค.นี้ ได้แก่ งาน Think of living condo expo ที่สยามพารากอน ระหว่างวันที่ 25-28 ก.พ.59 และงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 34 ที่ศูนย์การประชูมแห่งชาติศิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 10-13 มี.ค.ซึ่งบริษัทคาดหวังยอดขายพรีเซลทั้ง 2 งานราว 300 ล้านบาท
ทั้งนี้ รวม 3 งานในไตรมาสแรกที่บริษัทมีแผนไปออกงานทั้งหมดคาดว่าจะสร้างยอดขายได้รวมกันราว 500 ล้านบาท
นางศิริพงษ์ กล่าวอีกว่า ในเดือน มี.ค.นี้บริษัทวางแผนเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ 3 โครงการ มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนให้ยอดขายพรีเซลของบริษัทในไตรมาสแรกของปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายได้ แต่ทั้งนี้บริษัทคงจะต้องดูความพร้อมของการเปิดทั้ง 3 โครงการใหม่ดังกล่าวอีกครั้ง หากโครงการใดไม่พร้อมก็อาจจะเลื่อนออกไปเป็นไตรมาสอื่นตามความเหมาะสม แต่เชื่อมั่นว่าจะไม่กระทบเป้าหมายยอดขายพรีเซลในไตรมาส 1/59
ส่วนผลงานทั้งปี 59 บริษัทตั้งเป้ายอดขายพรีเซลไว้ที่ 7.5 พันล้านบาท และรายได้ 4 พันล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 5 พันล้านบาท ซึ่งจะมีการโอนในปีนี้ 3.25 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยโอนในปีถัดไป
ด้านอัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) ของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะมีการเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 10% จากสิ้นปี 58 อยู่ที่ 5% ซึ่งเป็นผลมาจากความเข้มงวดในการให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ แต่ทางบริษัทก็ได้มีการร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์และลูกค้าในการหาแนวทางในการยื่นขอสินเชื่อและมีการ Pre Approve ก่อนทำการยื่นสินเชื่อ