นายสวิจักร์ โลจายะ ประธานกรรมการ EVER เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ทาง EVER จะเข้าถือหุ้น 30% ผ่าน MY HOSPITAL ซึ่งได้เข้าทำสัญญาร่วมทุนในบริษัท อาร์เอสยู อินเตอร์เนชั่นแนล ฮอสพิทอล จำกัด (RIH) โดย RIH ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,200 ล้านบาทเมื่อกลางปีที่แล้วเพื่อเตรียมความพร้อมในการขยายการลงทุน
ก่อนหน้านี้ MY HOSPITAL ได้เข้าซื้อกิจการโรงพยาบาลเอกชน 3 แห่ง คือ โรงพยาบาลเชียงใหม่ราษฎร์ จ.เชียงใหม่, บริษัท พิษณุโลกอินเตอร์เวชการ จำกัด (PM) จ.พิษณุโลก และ บริษัท โคราชเมดิคัลกรุ๊ป จำกัด (KMG) จ.นครราชสีมา
ทั้งนี้ ธุรกิจโรงพยาบาลยังทำรายได้ในปี 58 น้อยมาก แต่หลังปี 59 ไปแล้วรายได้จากธุรกิจโรงพยาบาลจะเพิ่มขึ้น คาดว่าอาจจะรายได้ราว 500 ล้านบาท/ปี
"รายได้จากธุรกิจโรงพยาบาลในปี 58 ยังไม่มาก เพราะเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็ก แต่เรามองศักยภาพในการขยายการให้บริการอื่นในพื้นที่ที่จะเติบโตและเจริญได้ในอนาคต เช่น เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ โดยอาจจะเปิดบริการส่วนนี้ในโรงพยาบาลที่เราซื้อมาแล้ว"นายสวิจักร์ กล่าว
นายสวิจักร์ ยังกล่าวว่า บริษัทยังมองหาซื้อกิจการโรงพยาบาลเพิ่มเติม โดยจะเน้นโรงพยาบาลขนาดเล็ก-ขนาดกลางในต่างจังหวัด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษา 2-3 ราย คาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 500-1,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากเงินกู้ และอีกส่วนหนึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางการเพิ่มทุนอีกครั้งในช่วงกลางปี 59 วัตถุประสงค์สำคัญเพื่อนำเงินมาใช้ขยายการลงทุนทั้งธุรกิจโรงพยาบาลและอสังหาริมทรัพย์ เบื้องต้นคาดว่าจะระดมทุนราว 1,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม รายได้หลักของบริษัทในปี 59 ยังเป็นรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งบริษัทตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ 1,200 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อนที่คาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้แตะ 1,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย ขณะที่กำไรสุทธิคาดว่าครึ่งแรกของปีนี้จะยังคงขาดทุนต่อเนื่อง แต่จะเริ่มเห็นกำไรตั้งแต่ไตรมาส 3/59 เป็นต้นไป อย่างไรกก็ตาม ผลงานทั้งปียังมีลุ้นว่าจะพลิกเป็นกำไรสุทธิหรือไม่
"ปี 58 ยอมรับว่ายังขาดทุนสุทธิอยู่ แต่ปี 59 เริ่มเห็นกำไรแต่คงไม่เยอะ ครึ่งแรกยังขาดทุนอยู่และค่อยๆ ดีขึ้นในครึ่งหลัง ช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่ลงทุนเยอะ มีค่าใช้จ่าย-ต้นทุนทางการเงินเยอะ แต่น่าจะดีขึ้นในไตรมาส 1/59 แต่คงยังไม่เห็นกำไร เพราะเศรษฐกิจก็ไม่ได้ดีมากด้วย น่าจะเป็นช่วงกลางปีไปแล้ว ครึ่งหลังของปีน่าจะบวกได้จากธุรกิจอสังหาฯและธุรกิจโรงพยาบาล เพราะโรงพยาบาลที่ซื้อมาทำรายได้อยู่แล้ว"นายสวิจักร์ กล่าว
อนึ่ง EVER รายงานผลประกอบการล่าสุด คือ งวด 9 เดือนแรกปี 58 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 51 ล้านบาท และมีรายได้รวม 541 ล้านบาท ขณะที่ทั้งปี 57 มีผลขาดทุนสุทธิ 18 ล้านบาท และมีรายได้รวม 820 ล้านบาท
นายสวิจักร์ กล่าวถึงแผนงานด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการ ซึ่งเปิดให้จองล่วงหน้าไปแล้ว 1 โครงการ เป็นโครงการคอนโดมิเนียม ไฮไลน์ สนามบินน้ำ มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท ทำเลติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา และอยู่ในเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วงสถานีพระนั่งเกล้า โดยจะเปิด Grand opening ในเดือน มี.ค.นี้ จากนั้นจะเริ่มก่อสร้าง และคาดว่าจะทยอยโอนในปี 62 "โครงการที่จะเปิดปีนี้ทั้งหมด ขอดูการตอบรับ Grand opening โครงการคอนโดฯ สนามบินน้ำเดือนมี.ค.นี้ก่อน ถ้ายอดขายทะลุไว ก็อาจจะเปิดเพิ่มอีก 1 โครงการบริเวณเดียวกันเป็นโครงการที่พักอยู่อาศัยมูลค่า 6,000 ล้านบาท ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องขอดูยอดขายเดือนมี.ค.ก่อน"นายสวิจักร์ กล่าว
ส่วนโครงการแนวราบที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว คือ โครงการ My Home Silver Lake มูลค่าโครงการ 750 ล้านบาท ราคาขาย 4-5 ล้านบาท/หลัง ขณะนี้เริ่มทยอยโอนเข้ามาแล้ว
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทยังมีที่ดินรอการพัฒนา(แลนด์แบงก์)อยู่อีกหลายแห่ง ได้แก่ พัทยา 5 ไร่ ศรีราชา 10 ไร่ และ เชียงใหม่ 170 ไร่ เป็นต้น สำหรับที่ดืนในพัทยาขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาที่จะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียม แต่คงต้องรอจังหวะที่เหมาะสม เพราะขณะนี้เศรษฐกิจในเมืองพัทยาชะลอลง