"การปรับโครงสร้างทางการเงินครั้งนี้จะมีการพิจารณาในส่วนของกระแสเงินสดให้ครอบคลุมระยะยาวจำนวน 10 ปีข้างหน้า เพื่อทำให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะดำเนินการรวบรวม รายละเอียดทั้งหมดแล้วเสร็จภายใน ก.พ.นี้"นายชัยวัฒน์ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทคงเหลือหนี้ธนาคารอยู่ราว 450 ล้านบาทกับธนาคารทหารไทย (TMB) ซึ่งมีกำหนดจ่ายภายในปี 62 และมีขาดทุนสะสม 431 ล้านบาท การปรับโครงสร้างทางการเงินเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการลงทุนในอนาคตและเดินหน้าธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่อง โดยระหว่างนี้มีแนวคิดปรับปรุงโรงแรมให้เป็นระดับ 5 ดาว จาก 4 ดาว เพื่อรองรับการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟสที่ 2 และการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
รทส. ดำเนินธุรกิจโรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ มีจำนวนห้องพัก 612 ห้อง ได้หยุดการขาดทุน และทำกำไรมาได้แล้ว 4 ปี โดยในปีที่ผ่านมางวดปี 57/58 (ต.ค.57-ก.ย.58) มีรายได้ 828.96 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 53.52 ล้านบาท
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้างวดปี 58/59 (ต.ค.58-ก.ย.59) มีรายได้ 838 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 61 ล้านบาท คาดอัตราเข้าพักในงวดปีนี้ที่ 78-80% จากงวดปี 57/58 อยู่ที่ระดับ 76.53%
ทั้งนี้ งวด 3 เดือนที่ผ่านมา (ต.ค.-ธ.ค.58) อัตราเข้าพักดีกว่าเป้า เฉลี่ยที่ 85% โดยในเดือน ม.ค.59 อยู่ที่ 87% เนื่องจากได้รับอานิสงส์การเติบโตของท่องเที่ยวในหน้าไฮซีซั่น และการบริหารของกลุ่ม ACCOR ในลักษณะ Hotel Chain ภายใต้เครื่องหมาย NOVOTEL ทำให้มีอัตราเข้าพักสูง โดยการจองห้องพักผ่านเครือข่าย ACCOR อยู่ที่ 50%
นอกจากนี้ จุดเด่นของโรงแรมโนเวเทล สุวรรณภูมิ ที่เป็นกลยุทธ์ของโรแมคือสามารถให้บิรการ 24 Hours Flexi ซึ่งเป็นกลยุทธ์สร้างความแตกต่างจากโรงแรมอื่น ด้วยการให้บริการที่หลากหลายทั้งการให้บริการสปา ฟิตเนส รวมถึงห้องอาหารจีน
ส่วนกระแสข่าวลือที่ บมจ.การบินไทย (THAI) ซึ่งถือหุ้น 30% จะขายหุ้นออกไปนั้น นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกับนายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ THAI แล้วระบุว่า THAI ไม่มีแผนขายหุ้น รทส.เนื่องจากโรงแรมฯมีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน และยังช่วยรองรับผู้โดยสารของการบินไทยที่ตกค้างได้ดี เพราะสามารถให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง