ปัจจุบัน กลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย มีเส้นทางบินในอาเซียนมากที่สุด โดยไทยแอร์เอเชียบินเชื่อมประเทศไทยกับอาเซียนสู่ 7 ประเทศ 12 ปลายทาง รวม 15 เส้นทาง
นายธรรศพลฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ผู้ถือหุ้นใหญ่สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า เส้นทางหลวงพระบางเป็นเส้นทางบินใหม่ที่แอร์เอเชียและผู้ใช้บริการรอคอยมานานกว่า 8 ปี กับการเปิดประตูสู่ประเทศลาวครั้งแรกของไทยแอร์เอเชีย บินตรงทุกวันจากดอนเมือง-หลวงพระบาง ใช้เวลาบินเพียง 1 ชั่วโมง 20 นาที เปิดจองตั้งแต่วันนี้ 9-14 ก.พ.59 และเดินทางตั้งแต่ 14 มี.ค.59 - 5 ก.พ.60 ในราคาโปรโมชั่น 990 บาท/เที่ยวบิน
เมืองหลวงพระบางเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ ปัจจุบัน มีสายการบินบางกอกแอร์เวย์ สายการบินไทย และ สายการบินลาว ทำการบินไปหลวงพระบาง ด้วยราคาเฉลี่ย 3,000-4,000 บาท/เที่ยวบิน ขณะที่ สายการบินไทยแอร์เอเชีย จัดราคาตั๋วที่ราว 1,000 บาท/เที่ยวบิน ซึ่งทำให้ประหยัดเงินให้กับผู้โดยสาร
นายธรรศพลฐ์ กล่าวว่า ไทยแอร์เอเชีย เตรียมเปิดอีกจุดบินในลาวเพิ่มเติม คือเวียงจันทน์ ในไตรมาส 2/59 ซึ่งการเปิดจุดบินในลาวทำให้ไทยแอร์เอเชียมีจุดบินครบทุกประเทศใน CLMV ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากสถิติมีนักท่องเที่ยวเข้าไปลาวปีละ 4 ล้านคน/ปี ส่วนใหญ่เดินทางไปยังหลวงพระบางและเวียงจันทน์ โดยเป็นการเดินทางโดยเครื่องบินเพียง 1 หมื่นกว่าคนเท่านั้น จึงเป็นโอกาสของไทยแอร์เอเชีย ซึ่งยอดจองเที่ยวบินไปหลวงพระบางค่อนข้างดี ในเดือนก.พ.นี้มีกว่า 80% ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดี
นอกจากนี้ สายการบินไทยแอร์เอเชียมีแผนจะเปิดจุดบินใหม่ในช่วงครึ่งปีแรก 3-4 เมือง ในลาว อินเดีย และจีน ส่วนครึ่งปีหลังก็มีแผนเปิดจุดบินใหม่อีก 2-3 เมือง ส่วนใหญ่เปิดในไตรมาส 4 ปีนี้ โดยปีนี้ จะเปิดจุดบินใหม่ในอินเดีย 2-3 เมือง จากปัจจุบันที่มีจุดบินที่บังกะลอร์และเชนไน
อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มประเทศอาเซีย ไทยแอร์เอเชีย ยังไม่ได้เปิดจุดบินที่ฟิลิปปินส์ เพราะสนามบินในกรุงมะนิลายังไม่มี slot ว่างที่บินเข้าได้ ก็ต้องรอให้ slot ว่างก่อน ส่วนบรูไน ตลาดท่องเที่ยวยังไม่ค่อยดีนักก็ยังไม่รีบเปิดจุดบิน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AAV กล่าวว่า อัตราบรรทุกผู้โดยสาร (load factor) เฉลี่ยของไทยแอร์เอเชีย ในไตรมาส 1/59 คาดว่าจะอยู่ระดับ 85% สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการท่องเที่ยวเติบโต โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนก็ยังคงเติบโตได้ดีอยู่ โดยสัดส่วนผู้โดยสารจากจีนมีอยู่ 20% ของผู้โดยสารรวม ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าที่ 16.9 ล้านคน จาก 14.8 ล้านคนในปีก่อน
ส่วนภาพรวมธุรกิจการบินในปีนี้ มองว่ายังมีการแข่งขันอยู่แต่ไม่รุนแรงเหมือนปีที่แล้ว และปีนี้ภาคการท่องเที่ยวของไทยยังเติบโตได้ดี น่าจะมีจำนวนผู้โดยสารเติบโตสูง จึงไม่เห็นด้วยที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) จะกำหนดอัตราเพดานและอัตราขั้นต่ำของราคาตั๋วโดยสารหลังราคาน้ำมันลดลง เพราะแต่ละสายการบินสามารถบริหารต้นทุนเองได้ แต่หากพบว่า มีสายการบินที่ขายตั๋วต่ำกว่าต้นทุนควรจะลงโทษ ไม่ต้องการให้เหมารวม
"การแข่งขันของสายการบินคงไม่พ้นเรื่องราคา แอร์เอเชียจะเสนอราคาประหยัดแต่ไม่ต่ำกว่าต้นทุน ยังเป็นราคาที่แข่งขันได้ และให้ความสำคัญการตรงต่อเวลา ปีนี้คิดว่าราคาตั๋วอาจจะทรงตัว หรือไม่ก็ปรับขึ้นได้แค่ 2-3%" นายธรรมพลฐ์ กล่าว
นอกจากนี้ ทั้งสายการบินไทยแอร์เอเชีย และสายการบินแอร์เอเชียเอ็กซ์ ได้ขอรับการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ(IATA) และคาดว่าได้รับประกาศนียบัตรสายการบินที่ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัยจาก IATA (IATA Operational Safety Audit: IOSA) ได้ประมาณปลายไตรมาส 1/59 เพื่อให้ผู้โดยสารมั้นใจว่า ทั้งสายการบินไทยแอร์เอเชีย และสายการบินแอร์เอเชียเอ็กซ์ มีมาตรฐานความปลอดภัย ซึ่งถือว่าเป็นทางออกในช่วงที่ไทยยังคงติดธงแดงจากองค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งยังคาดเดาได้ยากว่าจะสามารถปลดธงแดงได้เมื่อไร