บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่อย่างน้อย 3 โครงการ มูลค่า 1,415 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 โครงการใหม่ใน จ.นนทบุรี ได้แก่ ธนาครัสเตอร์ ราชพฤกษ์-สถานีบางพลู ทาวน์โฮม 3 ชั้น จำนวน 77 ยูนิต บนเนื้อที่ 8 ไร่ มูลค่าโครงการ 334 ล้านบาท กำหนดเปิดในช่วงไตรมาส 1/59 และธนาครัสเตอร์ สถานีเซ็นทรัล-บางใหญ่ ทาวน์โฮม 3 ชั้น และบ้านแฝด 3 ชั้น จำนวน 77 ยูนิต มูลค่าโครงการ 375 ล้านบาท
และอีก 1 โครงการที่ จ.อุดรธานี โครงการสิริวิลเลจ อุดรธานี-แอร์พอร์ต บ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 179 ยูนิต มูลค่าโครงการ 706 ล้านบาท เปิดขายในช่วงไตรมาส 1/59
ขณะที่บริษัทยังมีที่ดินที่รอการพัฒนาอีก 4 แปลง และตั้งงบลงทุนราว 300-500 ล้านบาทเพื่อใช้ในการซื้อที่ดินในกรุงเทพและปริมณฑล รองรับการขยายโครงการใหม่ๆ ในอนาคต โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัทฯ และการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน โดยปัจจุบันบริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 1.8 เท่า
นายสุทธิรักษ์ กล่าวว่า บริษัทมีนโยบายหลักในการให้ความสำคัญกับทำเลที่ตั้งโครงการเป็นอย่างมาก โดยศึกษาจากแนวโน้มการขยายตัวของเส้นทางคมนาคมอีก 5 ปีข้างหน้าเป็นสำคัญ ซึ่งการพัฒนาโครงการจะมุ่งเน้นเฉพาะโครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก และไม่ไกลจากย่านชุมชน
ทั้งนี้ ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าบริษัทจะยังเน้นทำเลใน จ.นนทบุรีเป็นหลัก โดยมองว่าโครงการระบบสาธารณูปโภคของภาครัฐในย่านดังกล่าวเป็นปัจจัยบวกต่อการขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีโครงการหลักๆ ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ ซึ่งจะเปิดให้บริการในเดือน ส.ค.59 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 81 บางใหญ่-บ้านโป่ง-กาญจนบุรี คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปีนี้
"เบื้องต้นเราคาดว่าจะเปิด 3 โครงการก่อน แต่ก็ยังต้องติดตามสถานการณ์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ และภาพรวมของเศรษฐกิจ หากว่าภาพรวมดีขึ้นเราก็อาจจะมีการพิจารณาเพื่อเปิดโครงการเพิ่ม ซึ่งปัจจุบันเราก็มีที่ดินพร้อมรองรับในการเปิดอยู่แล้ว และเราก็ยังเตรียมที่จะซื้อที่ดินใหม่เพิ่มเติมอีก ซึ่งเรายังเน้นการพัฒนาโครงการใหม่ๆในจังหวัดนนทบุรี เพราะเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ มีแผนการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคต่างๆอย่างต่อเนื่องจากภาครัฐฯ ตือระบบขนส่งมวลชนเพื่อนองรับการขยายตัวของชุมชน"นายสุทธิรักษ์ กล่าว
ส่วนผลประกอบการของปี 58 บริษัทคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ราว 850 ล้านบาท และยอดขายกว่า 800 ล้านบาท หลังจาก 9 เดือนแรกมีรายได้แล้ว 642.74 ล้านบาท และมียอดขาย 654 ล้านบาท โดยมองว่าเป็นช่วงต่ำสุดแล้ว