"ภาพรวมธุรกิจอสังหาริทรัพย์ในปีนี้ มองว่าจะเริ่มขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่เข้ามาสนับสนุน รถไฟฟ้าที่ทยอยก่อสร้างและแล้วเสร็จ สนับสนุนผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ให้มีการเปิดตัวโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของผู้ซื้อ สำหรับธุรกิจโรงพยาบาลเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างมั่นคง และสามารถขยายกิจการ หรือทำอะไรเพิ่มเติมได้อีกมาก เพื่อสร้างฐานคนไข้ได้มากขึ้นในอนาคต"นายสวิจักร์ กล่าว
นายสวิจักร์ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงพยาบาลอยู่ ที่ร้อยละ 70 : 30 และตั้งเป้ายังคงสัดส่วนนี้ต่อเนื่องในอนาคต โดยในส่วนของโครงการอสังหาริมทรัพย์นั้น ล่าสุดได้เปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ ทำเลทองริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในชื่อ "เดอะโพลิแทน รีฟ" โดยใช้งบลงทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท พร้อมทั้งจัดกิจกรรมพรีเซลในช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีผู้ให้ความสนใจเข้ามาจองห้องเป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบันมียอดจองแล้ว 74% หรือคิดเป็นมูลค่ายอดขายประมาณ 4,080 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการกว่า 6,280 ล้านบาท ตั้งเป้าจะสามารถปิดการขายหมดทั้งโครงการภายในครึ่งปีแรกนี้ พร้อมรับรับรู้รายได้ในปี 2562 ทันที
ทั้งนี้ โครงการ เดอะโพลิแทน รีฟ ซ.นทบุรี 15 ถ.สนามบินน้ำ เป็นคอนโดมิเนียมสูง 56 ชั้น และ Sky Lounge อีก 1 ชั้น จำนวน 2,351 ยูนิต ใช้พื้นที่โครงการ 9 ไร่ 3 งาน 37.6 ตารางวา เจาะกลุ่มเป้าหมายกลุ่มคนรุ่นใหม่ และคนพื้นที่ โดยจะเริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาสที่ 1/59 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสที่ 1/62 ด้วยราคาเริ่มต้นจูงใจผู้ซื้อเพียง 1.29 ล้านบาท
"กระแสตอบรับในโครงการ เดอะ โพลิแทน รีฟ ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ด้วยจุดแข็งของโครงการ ใกล้รถไฟฟ้า 2 สาย ทั้งสีม่วง และสีชมพู ที่จะเริ่มเปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคมนี้ อีกทั้ง ยังเป็นเพียง 1 ใน 3 โครงการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่มีรถไฟฟ้ากับแม่น้ำเจ้าพระยาตัดกัน จึงมั่นใจจะสามารถสร้าง Backlog จากทำเลทองผืนนี้ได้จำนวนมาก ซึ่งหากโครงการนี้ประสบความสำเร็จ บริษัทฯ ก็เตรียมจะเปิดเฟส 2 ต่อทันทีในที่ดินผืนเดิมที่เรามีทั้งหมด 50 ไร่ เข้ามาสนับสนุนภาพรวมบริษัทตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป"นายสวิจักร์ กล่าว
นายสวิจักร์ กล่าวว่า ความได้เปรียบในเรื่องทำเลของโครงการ บริษัทจึงวางแผนที่จะสร้างโครงการ เดอะ โพลิแทน รีฟ เฟส 2 ต่อเนื่องทันทีในช่วงปลายปีนี้ เพื่อสนับสนุนยอดขายบริษัทให้มีความแข็งแกร่ง โดยคาดว่าโครงการดังกล่าวรวมทั้ง 2 เฟส จะสนับสนุนให้บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้ถึงประมาณ 17,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในปี 2562 ประมาณ 7- 8 พันล้านบาท ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2563 อีก 7-8 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือทยอยรับรู้รายได้ในปี 2564 บริษัทจึงมีแผนที่จะเพิ่มทุนในการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2559 เพื่อเอาเงินมาสร้างโครงการดังกล่าว แต่ทั้งนี้ยังอยู่ในช่วงของการพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อวางแผนว่าควรจะสัดส่วนเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมและได้ประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้น
นอกจากนี้ยังมีโครงการอสังหาริมทรัพย์อยู่ในมืออีกหลายโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว และพร้อมที่จะรับรู้รายได้เข้ามาทันที เช่น โครงการบ้านเดี่ยว บนถนนหทัยราษฏร์, โครงการ My Home Silver Lake บนถนนสุวินทวงศ์ 78, โครงการคอนโดมิเนียม My Resort หัวหิน เป็นต้น