สำหรับเป้าหมายรายได้ในปีนี้ คาดว่าจะเป็นรายได้จากการส่งออกราว 1,100 ล้านบาท และรายได้จากในประเทศ 600 ล้านบาท
"เราเชื่อว่าเราจะทำได้ จากความตั้งใจที่เรายังมีอยู่ โดยเศรษฐกิจที่เป็น new normal ทำให้เราก็มีการปรับตัวและเข้าใจกับระบบเศรษฐกิจแบบใหม่มากขึ้นทั้งทั่วโลกและไทย ซึ่งในปีนี้เราก็มีแผนการดำเนินงานหลายด้าน แต่บางอย่างขอไม่เปิดเผย เนื่องด้วยเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจ อยากให้นักลงทุนไม่ต้องกังวล เรายืนยันที่จะดูแลผู้ถือหุ้นทุกกลุ่มด้วยใจ ขณะที่ในวันที่ 29 ก.พ.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัท เราก็จะมีการพิจารณากันในหลายเรื่อง เช่น การล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ 211.78 ล้านบาท ว่าจะทำได้อย่างไร เพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น ในการจ่ายปันผล"นายสมฤกษ์ กล่าว
KASET ยังไม่ได้แจ้งผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา แต่ในงวด 9 เดือนแรกของปี 58 บริษัทมีรายได้รวม 845.31 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 7.96 ล้านบาท
นายสมฤกษ์ กล่าวว่า การเติบโตของบริษัทในปีนี้เป็นผลมาจากระบบเศรษฐกิจเริ่มลงตัวมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการเมือง ที่ได้กำหนดนโยบายชัดเจนว่าไม่มีนโยบายรับจำนำข้าว ทำให้บริษัทสามารถฟื้นตัวได้ดีขึ้น จะเห็นได้จากยอดขายที่ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ แต่สิ่งที่ยังเป็นกังวล คือความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน หากค่าเงินเปลี่ยนแปลงมากอาจจะส่งผลต่อความสามารถของการทำกำไร แต่บริษัทก็มีวิธีการป้องกันความเสี่ยงไว้แล้วในระดับหนึ่ง
นอกจากนี้จากการลงทุนโรงสีข้าวหอมมะลิ-ข้าวเหนียว ในลาว ทำให้บริษัทเตรียมส่งออกไปยังกลุ่มสหภาพยุโรป เนื่องจากได้รับสิทธิ GSP ก็จะเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อยอดขายอย่างมาก ขณะเดียวกันก็อยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนฐานการผลิตในประเทศอื่นๆเพิ่มเติม ในกลุ่มประเทศ AEC โดยมีความสนใจประเทศเวียดนาม ส่วนรูปแบบการลงทุนจะเป็นไปได้ทั้งหมด ทั้งการเข้าไปร่วมกันกับพันธมิตร และการลงทุนเอง แต่อย่างไรก็ตามการลงทุนดังกล่าวยังไม่มีข้อสรุปในตอนนี้
ส่วนการลงทุนทั่วไป ของบริษัทในปีนี้จะมีการลงทุนเพิ่มเติมในเรื่องของระบบการจัดการโครงสร้างบัญชี (SPA) เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต โดยวางงบลงทุนจำนวน 10 ล้านบาท