ล่าสุดธนาคารได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) “สานพลังประชารัฐ ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และวิสาหกิจเริ่มต้น (SMEs& Start-up)" จำนวน 4 ฉบับ ประกอบด้วย 1.MOU เพื่อสนับสนุน ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมผ่านโครงการพี่ช่วยน้อง (Big Brother) 2. MOU เพื่อการสนับสนุนและพัฒนาระบบนิเวศให้แก่ผู้ประกอบการใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม (IDE Start-up) 3.MOU เพื่อยกระดับและพัฒนาผู้ประกอบกิจการเพื่อสังคม และ 4. MOU ให้การสนับสนุนทางการเงินเพื่อยกระดับและพัฒนาผู้ประกอบกิจการเพื่อสังคม
ธนาคารตระหนักถึงความสำคัญของกลุ่มผู้ประกอบการ SME ซึ่งที่ผ่านมาได้จัดกิจกรรมส่งเสริมให้ความรู้ตลอดจนความช่วยเหลือพิเศษต่างๆ ในสถานการณ์ที่ SME ประสบกับภาวะยากลำบาก และขณะนี้ธนาคารได้เตรียมจัดโครงการพิเศษเบื้องต้นเพื่อสนับสนุน SMEs กลุ่มต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ของ MOU ที่เพิ่งได้ลงนามไปในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น โครงการกองทุนร่วมลงทุน SCB Venture Capital วงเงินรวม 100 ล้านบาท เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนในการส่งเสริมกิจการแก่กลุ่ม Start-up และวิสาหกิจเพื่อสังคม ส่งเสริมให้สามารถขยายกิจการสู่ตลาดระดับภูมิภาคและตลาดโลก โดยให้สินเชื่อด้วยเงื่อนไขพิเศษ ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน วงเงินสินเชื่อสูงสุดรายละ 5 ล้านบาท รวมทั้ง การร่วมสนับสนุนโครงการส่งเสริม SMEs เข้าถึงแหล่งทุนผ่านทางสมาคมธนาคารไทยอีกทางหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ ภายใต้ MOU พี่ช่วยน้อง ธนาคารวางแผนที่จะต่อยอดโครงการเดิมที่มีอยู่แล้วให้ครอบคลุมและสามารถตอบโจทย์ให้กับ SMEs ได้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ภายใต้โครงการ Market Place โดยธนาคารและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมมือกันจัดกิจกรรม SCB – FTI Factory Outlet ขึ้นปีละ 2 ครั้ง เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารและเป็นสมาชิกของ ส.อ.ท.มีโอกาสนำสินค้ามาจัดแสดงและจำหน่ายในงานให้กับผู้บริโภคโดยตรง พร้อมเปิดโอกาสในการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการด้วยกันเอง นอกจากนี้ ยังได้มีการเตรียมการ โครงการ SME Expo – Total Business Solutions ที่นับเป็นมหกรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่ธนาคารได้รวบรวมคำตอบที่สามารถสนองตอบทุกความต้องการของผู้ประกอบการ SME ไว้อย่างครบวงจรในงานเดียว ครอบคลุมทั้ง ด้านความรู้ วิธีการแก้ไขปัญหา การสร้างเครือข่าย และการจับคู่ธุรกิจ
"ไทยพาณิชย์ ในฐานะสถาบันการเงินชั้นนำและธนาคารพาณิชย์แห่งแรกของประเทศไทย มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นฟันเฟืองหนึ่งในการวางรากฐานทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศครั้งสำคัญนี้ ซึ่งมั่นใจว่าโครงการต่างๆ ที่ได้ริเริ่มขึ้นมาจะนำไปสู่การลงมือปฏิบัติให้สัมฤทธิ์ผลและต่อยอดไปยังฐานรากของสังคมกลุ่มต่างๆ ที่จะร่วมกันเป็นพลังขับเคลื่อนให้ประเทศชาติพัฒนาก้าวหน้าและสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนตามเจตนารมณ์"นายญนน์กล่าว