ขณะที่ในปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำรายได้รวมได้เติบโตเกินเป้าหมาย และมียอดขาย 12,516 ล้านบาท เติบโต 47% จากปี 57
"ในปี 2559 เศรษฐกิจประเทศไทยน่าจะยังเติบโตได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ด้วย 3 เครื่องยนต์สำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีนี้คือ G + I + T (การลงทุนภาครัฐ + การลงทุนภาคเอกชน + การท่องเที่ยว) ซึ่งมีสัดส่วนถึงเกือบ 40% ของ GDP ประเทศ อันมีส่วนอย่างมากในการกระตุ้นเครื่องยนต์ตัวอื่นๆ โดยปัจจัยบวกเพิ่มเติมของธุรกิจอสังหาฯ คือ ต้นทุน ที่ยังไม่เพิ่มขึ้น 3 อย่าง คือ น้ำมัน ค่าก่อสร้าง และดอกเบี้ย ในขณะที่ข้อน่ากังวลสำหรับปีนี้คือ สัดส่วนของหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ที่ยังสูงอยู่ ถึงแม้ว่าการเติบโตของหนี้จะชะลอตัวอย่างชัดเจน และสัดส่วนของหนี้ NPL ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เราคาดการณ์ว่า สถานการณ์ของหนี้จะเริ่มดีขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่ 2560 เป็นต้นไป"นายณัฐพงศ์ กล่าว
นายณัฐพงศ์ กล่าวว่า สำหรับฐานลูกค้าของ SC ถือว่ายังแข็งแรงอยู่มาก โดยในปีที่ผ่านมา มีลูกค้าโอนกรรมสิทธิ์ด้วยเงินสดมากกว่า 1 ใน 3 ของมูลค่าทั้งหมด และตัวเลขสัดส่วนการถูกปฏิเสธจากธนาคาร (bank rejection rate) ต่ำกว่า 10% สะท้อนถึงความแข็งแรงของฐานลูกค้า SC ในปีนี้จึงมั่นใจในความแข็งแกร่งของ luxury segment ที่บริษัทเป็นผู้นำด้านส่วนแบ่งการตลาด โดยใน 10 โครงการใหม่ที่บริษัทเปิดในปีนี้มีมูลค่ารวม 24,000 ล้านบาท เป็นโครงการ luxury segment มากกว่า 80%
นอกจากนี้บริษัทยังจะเน้นเรื่องนวัตกรรม เพื่อใช้เป็นกลยุทธ์ในการตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยได้มากที่สุด ซึ่งพฤติกรรมของผู้บริโภคนั้นเปลี่ยนไปทุกปี และเปลี่ยนแปลงเร็วมากภายใน 5 ปีที่ผ่านมา
สำหรับไตรมาสแรก 1/59 บริษัทจะเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 10,000 ล้านบาท ได้แก่ คอนโดมิเนียม 1 โครงการ และเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ เป็นคฤหาสน์หรูซีรีย์ใหม่ 2 โครงการ ที่สร้างสรรค์นวัตกรรม eldercare solution สำหรับห้องนอนชั้นล่าง เป็นพิเศษ เพื่อรองรับและอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งพร้อมเปิดทางการวันที่ 27-28 ก.พ.นี้ ได้แก่ โครงการ BEATNIQ สุขุมวิท 32 คอนโดมิเนียมขนาดอาคารสูง 34 ชั้น มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท
โครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด ราชพฤกษ์-จรัญฯ ติดถนนตัดใหม่ พรานนก- พุทธมณฑลสาย 4 มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท และโครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด สุขุมวิท ต้นถนนบางนา-ตราด ใกล้รถไฟฟ้าสถานี แบริ่งและไบเทคบางนา มูลค่าโครงการ 2,800 ล้านบาท
ด้านนายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน ของ SC กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่กว่า 8 พันล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้ไนปีนี้ไม่ต่ำกว่า 50% และส่วนที่เหลือจะทยอยโอนไปถึงปี 2561 ขณะที่ปีนี้บริษัทวางแผนออกหุ้นกู้มูลค่า 3 พันล้านบาท อายุ 3-5 ปี โดยแบ่งการออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่ครบกำหนดอายุ ในวงเงิน 2 พันล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกใหม่อีก 1 พันล้านบาท โดยจะเริ่มทยอยออกหุ้นกู้ตั้งแต่เดือนพ.ค.เป็นต้นไป
นอกจากนี้ในวันที่ 23 ก.พ.นี้ บริษัทจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เกี่ยวกับแนวทางการจ่ายปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 58 โดยแนวทางการจ่ายปันผลอาจจะให้เป็นหุ้นปันผลร่วมกับเงินปันผลด้วยกัน หรือให้เป็นเงินปันผลอย่างเดียว แต่นโยบายการจ่ายเงินปันผลยังคงเหมือนเดิมที่ 40% ของกำไรสุทธิ อีกทั้งในวันดังกล่าวบริษัทจะรับรองงบการเงินปี 58 พร้อมแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ด้วย
สำหรับอาคารสำนักงานใหม่ ที่พหลโยธิน ซอย 1 ของบริษัทที่อยู่ระหว่างการสร้างนั้น คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในช่วงต้นปี 2560 โดยอาคารสำนักงานแห่งใหม่นี้มีพื้นที่ให้เช่า 12,000-13,000 ตารางเมตร ซึ่งบริษัทคาดหวังอัตราการเช่าพื้นที่ของอาคารดังกล่าวในปีแรกอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 50% ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้จากค่าเช่าต่อปีอยู่ที่ 800 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ที่ 8% ของรายได้รวม และงบการก่อสร้างอาคารแห่งนี้ได้รวมกับงบก่อสร้างในปีนี้ทั้งหมดอยู่ที่ 7 พันล้านบาท